ธุรกิจความงามปีจอโตไม่ยั้ง “เอวีคลินิก”ลุยมาร์เก็ตติ้งออนไลน์เจาะนศ.-คนวัยทำงานดันโต40%

นายหาญณรงค์ วงษา กรรมการผู้จัดการ (AV Clinic) เปิดเผยว่า เอวีคลินิกได้เปิดมาแล้วประมาณ 1 ปีกว่า กระแสตอบรับค่อนข้างดี ลูกค้ามีทุกระดับตั้งแต่นักศึกษา คนวัยทำงาน ที่มีกำลังซื้อสูง ระดับB+ ไป จนถึงA รายได้ตั้งแต่ 15,000 ขึ้นไป จุดแข็งของแบรนด์เอวี คือการทำศัลยกรรมเสริมจมูก ที่ลูกค้าชื่นชอบเพราะทำจมูกสวย ได้รูป ที่สำคัญคือราคาไม่สูงมากจนเกินไป โดยทางคลินิกจะเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ในกระบวนการทำทุกขั้นตอนจะคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก

ส่วนการทำศัลยกรรมอื่นๆ ก็มีมากมาย เช่น การเสริมจมูก เสริมคาง ทำตา เกี่ยวกับผิวพรรณ จะมีการทำโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เลเซอร์ผิว วิตามินผิว รักษาสิว ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามแบบครบวงจร สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 10 รายต่อวัน

ปัจจุบันทำการตลาดจะเน้นหนักผ่านช่องโซเชียลมีเดีย เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากการทำตลาดช่วงแรกจนถึงขณะนี้ มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการจัดโปรโมชั่น เป็นบางช่วง โดยให้น้ำหนักในการทำการตลาดออนไลน์สัดส่วน 80% ออฟไลน์ 20%

“กล้าพูดได้เลยว่าคุณภาพของเอวีคลินิกเทียบชั้นได้กับบิ๊กแบรนด์ขนาดใหญ่ในธุรกิจเสริมความงาม แม้ว่าทำเลจะไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้า คุณภาพตัวบุคลากรถือว่าดีมาก การต้อนรับที่ดี ยา และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ใช้ของที่ผ่านมาตรฐานทุกตัว ถึงแม้จะมีการแข่งขันสูง แต่เราต้องหาจุดแข็งให้เจอ”

สำหรับสถานการณ์ทางการแข่งขัน ปัจจุบันมีสูงขึ้นมา โดยเฉพาะทำเลถนนลาดพร้าว มีคลินิกความงามประมาณ 10-20 ราย โดยคาดหวังชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในโซนลาดพร้าวได้ประมาณ 10-15%

โดยวางแผนการขยายสาขาในปลายปี 2561 นี้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เล็งทำเลไว้ที่คอมมูนิตี้มอลล์ ที่มีคนจำนวนมากในกรุงเทพฯ เพราะจะได้บริหารจัดการได้ง่าย ในอนาคตเล็งออกไปลงทุนยังหัวเมืองใหญ่ที่มีคน และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมองว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความงามยังเติบโตไปได้ต่อเนื่องในปีนี้ แต่ก็ต้องดูทำเลด้วยหากจะให้ธุรกิจขยายตัวไปอย่างรวดเร็วทำเลจะต้องดีพอ อุปสรรคสำหรับแบรนด์น้องใหม่ ก็จะมีลูกค้ามองว่าจะมีคุณภาพหรือไม่ แต่เอวีคลินิก ก็ได้พิสูจน์ให้ลูกค้ารับรู้ถึงคุณภาพแล้ว ถือว่าเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง สำหรับปัจจัยลบที่น่าห่วงคือภาวะเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ปีนี้คาดว่า T6 ธุรกิจจะเติบโต 40% จากการทำกิจกรรมบนโลกโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขาย