ขายของบน Amazon ไม่ใช่เรื่องยาก เปิดวิธีการสมัคร ต่อยอดธุรกิจ ส่งสินค้าไปทั่วโลก

ขายของบน Amazon ไม่ใช่เรื่องยาก เปิดวิธีการสมัคร ต่อยอดธุรกิจ ส่งสินค้าไปทั่วโลก

พ่อค้าแม่ค้าไม่จำเป็นที่จะต้องมีหน้าร้านหรือวางขายตามตลาดนัดก็ได้ เพียงใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เป็นเว็บขายของผ่านสื่อออนไลน์ เท่านี้ก็สามารถตั้งแผงขายของสร้างรายได้กันได้แล้ว 

และแพลตฟอร์มที่มีไว้ขายของออนไลน์ตอนนี้ก็มีมากมาย แต่วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Amazon

ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเว็บที่เป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ขายได้ดีเลยทีเดียว เพราะว่าเป็นเว็บขายของออนไลน์ที่มีลูกค้าเข้าชมจากทั่วทุกมุมโลก ขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

และด้วยลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการที่จะมองหาสินค้าที่มีคุณภาพและมีความหลากหลาย จึงทำให้ Amazon ให้ความสำคัญกับผู้ขาย และพร้อมจะให้การสนับสนุนผู้ขายทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านบริการ กลยุทธ์ทางการตลาด และเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยทำให้การขายของออนไลน์ต่างประเทศบนเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่น 

ก่อนสมัครบัญชีผู้ขายต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?

1. เลือกสินค้าที่จะขายใน Amazon

ทาง Amazon เปิดให้ผู้ขายทุกรายสามารถลงขายสินค้าได้มากกว่า 30 หมวดหมู่ แต่สำหรับสินค้าบางหมวดหมู่จะต้องมีการขออนุมัติเอกสารสำคัญและสามารถลงขายได้หากผู้ขายสมัครบัญชี แผนการขายแบบมืออาชีพ (Professional Selling Plan) เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคหรือในการใช้งานของลูกค้า

2. พิจารณาโปรไฟล์ผู้ขาย

เมื่อตัดสินใจเลือกขายสินค้าออนไลน์บน Amazon แล้ว ผู้ขายควรจะพิจารณาโปรไฟล์ของตนเองเพื่อที่จะวางกลยุทธ์ในการขายให้เหมาะสมมากที่สุด

ผู้ผลิต มีโรงงานหรือกระบวนการผลิต และผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตนเอง

เจ้าของแบรนด์ สั่งผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองเพื่อเสนอตัวเลือกที่ไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้า

ตัวแทนจำหน่าย ค้นหาสินค้ายอดนิยมที่มีขายในตลาดอยู่แล้ว และนำเสนอขายใน Amazon แม้จะไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์ของตนเอง

ผู้ขายสามารถเลือกโปรไฟล์ใดก็ได้ที่เหมาะกับธุรกิจและเป้าหมายในการขายสินค้า หากผู้ขายวางแผนที่จะขายสินค้าบน Amazon ในนามแบรนด์ของตนเอง ทางเรามีทรัพยากรและเครื่องมือมากมายที่จะอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจของคุณ

3. เลือกแผนการขายที่เหมาะสม

การสมัครบัญชีใน Amazon นั้นมีทั้งหมด 2 รูปแบบ หรือที่เรียกว่า ‘แผนการขาย’ ให้เลือกคือ

(1) แผนการขายแบบบุคคลทั่วไป (Individual Selling Account) ที่จะเรียกเก็บ USD$0.99 ต่อ 1 หน่วยสินค้าที่ขายออก

(2) แผนการขายแบบมืออาชีพ (Professional Selling Account) ที่มีราคา $ 39.99 ต่อเดือน ไม่ว่าจะขายสินค้าจำนวนเท่าใดก็ตาม

โดยที่แผนการขายแบบมืออาชีพนั้นจะมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกและประโยชน์อื่นๆ ที่มากกว่าแผนการขายแบบทั่วไป อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับหมวดหมู่สินค้าที่ลงขายและการจัดส่งสินค้า

4. สมัครบัญชีผู้ขาย

สมัครบัญชีผู้ขายบน Seller Central เว็บไซต์ที่ใช้จัดการบัญชีผู้ขายของคุณ โดยคุณสามารถสร้างบัญชีผู้ขาย Amazon ใหม่ด้วยอีเมลธุรกิจของคุณ และปฏิบัติตามขั้นตอนการสมัคร รวมทั้งเตรียมเอกสารยืนยันตัวตนทุกอย่างให้ครบถ้วน

เว็บขายของออนไลน์นี้ถือว่าดีไม่ใช่น้อย แต่เอ๊ะ! มีบริการครบถ้วนขนาดนี้ จะสมัครบัญชีขายของยากไหมนะ? 

บอกเลยว่าการสมัครบัญชีขายของบน Amazon ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณปฏิบัติตาม 7 ข้อนี้ คุณก็ได้เป็นเจ้าของร้านค้าบนเว็บไซต์นี้ได้แล้ว 

ขั้นตอนการสมัครบัญชีผู้ขาย

1. อีเมล (E-mail Address)

ผู้ขายจะต้องเตรียมอีเมลที่เอาไว้ใช้สมัครบัญชีผู้ขาย เนื่องจากอีเมลเป็นข้อมูลที่ผู้ขายจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง ผู้ขายจึงควรใช้อีเมลที่ใช้ติดต่อได้

2. ข้อมูลรูปแบบธุรกิจ (Legal Name)

ผู้ขายจะต้องกรอกข้อมูลรูปแบบธุรกิจที่ผู้ขายวางแผนที่จะขายใน Amazon ไม่ว่าผู้ขายจะใช้แผนการขายแบบไหน ทั้งแผนการขายแบบมืออาชีพ (Professional Selling) หรือแผนการขายแบบบุคคลทั่วไป (Individual Selling) ก็สามารถเลือกที่จะเปิดบัญชีในรูปแบบธุรกิจทั้ง 2 แบบ

– การเปิดบัญชีในนามบุคคล (Individual Business) ผู้ขายกรุณากรอกชื่อและนามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ

– การเปิดบัญชีในนามบริษัท (Company Business) ผู้ขายกรุณากรอกชื่อบริษัทตามด้วยขีดกลาง (-) ตามด้วยชื่อ นามสกุลของผู้ที่จะเป็นเจ้าของบัญชีผู้ขาย

3. ที่อยู่ (Address)

ผู้ขายจะต้องกรอกที่อยู่ของคุณเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากทาง Amazon นั้นเคร่งครัดกับการตรวจสอบตัวตนในการสร้างบัญชีขายของผู้ขายมาก ที่อยู่ภาษาอังกฤษของคุณจะต้องตรงกับ Bank Statement ที่ยื่นให้กับ Amazon เพื่อให้ขั้นตอนการยื่นเอกสารเป็นไปได้อย่างราบรื่น หากผู้ขายกรอกที่อยู่ที่ไม่ตรงกับ Bank Statement อาจส่งผลให้เอกสารของคุณไม่ผ่านการพิจารณาได้

4. บัตรเครดิตหรือเดบิต (Charge Method)

ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตมีไว้สำหรับตัดค่าธรรมเนียมแผนการขายและค่าใช้จ่ายอื่นๆ บน Amazon ผู้ขายสามารถใช้บัตรเครดิตอะไรก็ได้ไม่เจาะจงว่าจะเป็นในนามของใคร ผู้ขายกรุณาเตรียมข้อมูลในบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตต่อไปนี้

– หมายเลขบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต

– วันที่หมดอายุของบัตร

– ชื่อและนามสกุลที่อยู่บนที่อยู่หน้าบัตรเป็นภาษาอังกฤษ

5. บัญชีรับเงิน (Deposit Method)

เนื่องจาก Amazon สามารถโอนเงินให้ธนาคารที่อยู่ใน สหรัฐอเมริกา (US) เท่านั้น หากผู้ขายไม่มีบัญชีของประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจำเป็นต้องใช้บัญชีเสมือน (Virtual Account) ซึ่งเปรียบได้กับกระเป๋ารับเงินส่วนกลาง เพื่อใช้รับเงินจากยอดขายของท่านก่อนเปิดบัญชีผู้ขายของ Amazon ขณะนี้ โดยที่ผู้ขายมักจะใช้บริการบัญชีเสมือนเจ้าหลักๆ เช่น Payoneer

6. ชื่อร้าน (Display Name)

ชื่อร้านค้าที่จะปรากฏบนหน้าเว็บ Amazon ต่อหน้าลูกค้า ผู้ขายสามารถตั้งชื่อร้านค้าของตนเองยังไงก็ได้ โดยไม่ต้องจดลิขสิทธิ์หรือยืนยันตัวตนของชื่อร้าน

7. เอกสารยืนยันตัวตน (Seller Identity Verification – SIV)

เนื่องจาก Amazon ต้องการตรวจสอบตัวตนบัญชีขายของผู้ขาย ดังนั้น ผู้ขายจะต้องเตรียมเอกสารที่มืชื่อและที่อยู่ที่มีข้อมูลตรงกับรายละเอียดที่ผู้ขายได้กรอกไว้ตอนทำการเปิดบัญชีตามเอกสารด้านล่างนี้

– บัตรประชาชน (National ID Card)

ชื่อบนบัตรประชาชนจะต้องตรงกับชื่อที่ใช้สมัครบัญชี (Legal Name) ผู้ขายจะต้องสแกนสำเนาบัตรประชาชนแบบเป็นสีทั้งหน้าและหลัง ให้อยู่ในคุณภาพที่ชัดเจนที่สุด ผู้ขายสามารถที่จะใช้สำเนาหนังสือเดินทางยืนยันตัวตนได้เช่นกัน หากผู้ขายเลือกที่จะส่งสำเนาหนังสือเดินทางในการยืนยันตัวตน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจในหนังสือเดินทางมีลายเซ็นของเจ้าของหนังสือเดินทาง

– Bank Statement หรือ Credit Card Statement

ชื่อเจ้าของ Bank Statement หรือ Credit/Debit Card Statement จะต้องตรงกับ Legal Name และที่อยู่ในเอกสารจะต้องตรงกับ Business Address ใน Seller Central ที่ผู้ขายต้องการรายละเอียดของเอกสารที่มีเงื่อนไขดังนี้

1. ชื่อ นามสกุล และที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ

2. เอกสารจะต้องมีอายุไม่เกิน 90 วัน

3. มีลายเซ็นของเจ้าพนักงานธนาคาร

4. มีตราประทับของธนาคาร

เห็นไหมว่าการที่จะเป็นเจ้าของร้านบน Amazon ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่คุณต้องศึกษาหาข้อมูลและจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ก็สามารถสมัครบัญชีขายของกันได้ง่ายๆ หากใครกำลังมองหาแหล่งทำมาหากินใหม่ๆ ก็อย่าลืมเตรียมเอกสารกันไว้นะ ถ้าเตรียมกันไว้ครบถ้วนแล้ว ก็ไปสมัครกันได้เลย ที่ Amazon

ขอบคุณข้อมูล Amazon