73 ยังแจ๋ว! ขายขนมไทย 10 บาท ตื่นเช้าตี 2 ปรุงสดใหม่ ขายหมดได้เงินวันละหลักหมื่น 

แม้อายุจะก้าวเข้าสู่วัย 73 ปี แต่ด้วยใจรักในอาชีพขายขนมไทย ทำให้ คุณยายมานิต จูลิบ ลุกขึ้นมาปรุงขนมตั้งแต่เวลาตี 2 และเปิดร้านในเวลาตี 5 ของทุกวัน แม้ร่างกายอาจไม่ได้สมบูรณ์แข็งแรงเหมือนสมัยสาวๆ แต่ด้วยความสุข จึงทำให้ยึดอาชีพนี้มายาวนานถึง 37 ปี 

คุณยายนิตสนใจขนมไทยจากการได้ลองชิมขนมร้านหนึ่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าอร่อย แต่เมื่อได้ชิมแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น และคิดว่าหากตัวเองทำขาย จะต้องทำให้อร่อยกว่านี้แน่นอน 

“ตอนแรกทำไม่เป็นหรอก อาศัยคิดสูตรเอง ฝึกทำเอง โดยไม่มีใครสอน ขนมชนิดแรกคือ ข้าวเหนียวถั่วดำ ตามมาด้วย กล้วยบวชชี เต้าส่วน บัวลอยแก้ว สมัยนั้นเข็นรถขายรอบหมู่บ้าน ขายแค่ถุงละ 3 บาท ขายดีมาก จนมีคนชวนไปเปิดร้านที่ตลาดเอี่ยมเจริญ ตั้งร้านหน้าเซเว่นฯ ก็ขายดีมาก 3 คนตักไม่ทัน ออกจากบ้าน 11 โมงเช้า บ่ายๆ หมดแล้ว”

จากหน้าเซเว่นฯ คุณยายนิตย้ายร้านมาอยู่บริเวณปากซอยทางเข้าวัดด่าน หน้าตลาดเอี่ยมเจริญ ที่มองหาได้ไม่ยาก โดยเปิดแผงขายขนมไทย 10 กว่าอย่างในราคาถุงละ 10 บาท มีทั้ง ซ่าหริ่ม ลอดช่อง กล้วยบวชชี ข้าวเหนียวถั่วดำ ฟักทองแกงบวด เป็นต้น

ซึ่งขนมเหล่านี้ สามารถวางขายได้ในเวลาตี 5 ของทุกวัน จากการที่คุณยายนิตตื่นมาทำตั้งแต่เวลาตี 2 โดยมีลูกมือคอยเตรียมส่วนผสมไว้ให้ครบแล้ว 

“ออกขายตี 5 ประมาณ 8 โมงจะเข้าไปพัก เพราะอายุมากแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับเข่าและเอว ระหว่างนั้นน้าผู้ชายจะช่วยขาย สัก 10 ถึง 11 โมงจะออกมาหน้าร้านอีกรอบ ขนมแต่ละอย่างทำใส่หม้อไซซ์ 32-36 นิ้ว บางอย่างทำ 2 หม้อก็มี ขายหมดวันหนึ่งจะมีรายได้หลักหมื่นบาท หักต้นทุนแล้วเหลือกำไร 4,000-5,000 บาท”

คุณยายนิตปรับเพิ่มราคาขนมจากสมัยก่อนถุงละ 3 บาท เป็นถุงละ 10 บาท ราคานี้เมื่อเทียบกับร้านอื่น ยังถือว่าสบายกระเป๋า และเมื่อเทียบกับปริมาณที่ได้เรียกว่าคุ้มแสนคุ้ม เพราะให้แบบกำลังพอกินไม่น้อยเกินไป 

“ขายแค่ 10 บาท ราคาถูกหน่อย แต่อาศัยขายให้ได้เยอะๆ ขายหมดทุกวัน บ่ายๆ ก็หมดแล้ว” แม่ค้าขนมไทยวัย 73 ปี บอกย้ำ

ความอร่อยของขนมไทยสูตรคุณยายนิตคือ ความไม่ขี้เหนียว คุณภาพดีอย่างไรก็ดีแบบนั้นมาโดยตลอด แม้วัตถุดิบบางอย่างมีราคาสูง แต่ยอมจ่ายและใช้ปริมาณเท่าเดิม

“ทำขนมอย่าขี้เหนียว อย่างกะทิ ขนาดร้านขายมะพร้าวยังว่าเลย มะพร้าวแพง ทำไมไม่ลด เราบอกลดไม่ได้ รสชาติมันเปลี่ยน เมื่อก่อนถั่วดำกิโลละไม่กี่บาทเดี๋ยวนี้เกือบร้อยแล้ว ลดปริมาณไม่ได้ ให้นึกถึงคุณภาพ ลูกค้าจะได้กลับมาซื้ออีก แล้วเผลอๆ บอกปากต่อปากให้เราด้วย

ให้นึกถึงตัวเองเวลาซื้อของมากินแล้วคุณภาพไม่ได้ มันจะโมโหมาก เสียตังค์ไม่เท่าไหร่ แต่เสียความรู้สึกมากกว่า เพราะอยากกินแล้วกินไม่ได้ มันไม่อร่อย

และว่า

ปัญหาอุปสรรคในการขายขนมก็มีอยู่บ้างเช่นกัน อย่างช่วงร้อนจัด ขนมเสียง่าย หากลูกค้าแจ้งก็พร้อมเปลี่ยนถุงใหม่ให้ทันที ส่วนหน้าฝน ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะร้านตั้งอยู่ในร่ม สำหรับเวลาขายจะหยุดแค่เดือนละ 2 วันเท่านั้น โดยไม่มีกำหนดว่าจะหยุดวันไหน 

“ขายของเราได้กำไร 4,000-5,000 บาท ถ้าหยุดเยอะก็เท่ากับขาดรายได้ ภาระรายจ่ายเรามี ถ้าไปไหนมาไหนก็ต้องใช้จ่ายอีก เลยอยากมาขายทุกวัน ถามว่าเหนื่อยไหม ไม่เหนื่อย เพราะมันเป็นความสุขที่เราได้ทำ และถ้าขายไม่ไหวก็มีลูกสาวพร้อมรับช่วงต่อแล้ว”