สัปเหร่อ หนังไทบ้าน ความสำเร็จ 700 ล้าน ว่าด้วยเรื่องมีชีวิตเพื่อปัจจุบัน และความตายอันจีรังไม่แน่นอน

สัปเหร่อ หนังไทบ้าน ความสำเร็จ 700 ล้าน ว่าด้วยเรื่องมีชีวิตเพื่อปัจจุบัน และความตายอันจีรังไม่แน่นอน.
สัปเหร่อ หนังไทบ้าน ความสำเร็จ 700 ล้าน ว่าด้วยเรื่องมีชีวิตเพื่อปัจจุบัน และความตายอันจีรังไม่แน่นอน

สัปเหร่อ หนังไทบ้าน ความสำเร็จ 700 ล้าน ว่าด้วยเรื่องมีชีวิตเพื่อปัจจุบัน และความตายอันจีรังไม่แน่นอน

เราตื่นเช้าในวันหยุด เช็กรอบหนัง #สัปเหร่อ จองออนไลน์ไว้ 1 ที่นั่ง ตอนนั้นยังโล่ง ทั้งแถว B มีแค่เราคนเดียวอยู่ตรงกลาง พอถึงเวลารอบหนังเราเข้าก่อนเวลาจะฉายราว 5 นาที เพื่ออยากเห็นว่าสิ่งที่เขาร่ำลือกันนั้นเป็นแบบไหน

ใช่ แสงไฟในโรงยังไม่ดับเข้าโฆษณา คนจากทั่วสารทิศนั่งเตรียมตัวกันหมดแล้ว แม้แต่ข้างเราทั้ง 2 ฝั่งเหลือเพียงที่ว่างที่เดียวที่เราจองไว้

และตั้งแต่หนังฉายเริ่มด้วยความหวาดผวา ตามด้วยเสียงหัวเราะ แล้วจบด้วยเสียงสะอื้นไห้ในลำคอ

ก็ทำให้เข้าใจว่าทำไม 700 ล้าน ของภาพยนตร์ สัปเหร่อ ไม่เกินความจริง 

เนื้อหาในบทความนี้มีการเผยแพร่เนื้อหาบางส่วนสำคัญของภาพยนตร์ สัปเหร่อ

สัปเหร่อ

สัปเหร่อ ผลงานกำกับโดย ต้องเต-ธิติ ศรีนวล ว่าด้วยเรื่องของ เจิด เด็กนิติศาสตร์จบใหม่ กลับบ้านเพื่อเตรียมตัวสอบเป็นทนายและต้องช่วยพ่อที่มีอาชีพเป็นสัปเหร่อ หลังอาการเจ็บป่วยของพ่อทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และแม้ว่าจะกลัวผีแต่ก็ยินดีที่จะช่วย นับตั้งแต่ขั้นตอนหลังเสียชีวิต พิธีกรรมต่างๆ พร้อมกับวิถีวัฒนธรรมทำศพของภาคอีสาน

ภายใต้เส้นเรื่องเดียวกันมี เซียง ตัวละครสำคัญใน จักรวาลไทบ้าน ที่ต้องการพบหน้าแฟนเก่าชื่อ ใบข้าว หลังจากที่เธอผูกคอตายระหว่างตั้งครรภ์ ในภาพยนตร์ “ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.2” อยากจะถอดจิตไปหาคนรักเก่า โดยมีพ่อของเจิดยื่นข้อเสนอให้ แลกกับการเป็นผู้ช่วยสัปเหร่อให้กับลูกชายของตน

หลังจากที่เซียงได้ทำตามคำร้องขอ เขาได้ถอดจิตไปหาใบข้าว ความรักที่ยังมีล้นเปี่ยมก็ไม่สามารถพาเซียงกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ 

ด้านชาวบ้านในชุมชนก็พบกับผีใบข้าวตามตรงนั้นตรงนี้จากการคลายมนต์ตายทั้งกลม จึงจำเป็นต้องเร่งเผาผีใบข้าว ขณะเดียวกัน เจิดก็ได้รับข่าวว่าพ่อได้เสียชีวิตแล้ว โดยไม่ได้ร่ำลากัน

เนื้อเรื่องไม่ได้หวือหวาเหมือนหนังต่างประเทศ แต่กลับสามัญธรรมดาเหมือนชีวิตเราทั่วไป และเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายกับคนที่มีประสบการณ์ร่วมในเรื่อง ความรักและความตาย

ทั้งความรักของเซียงต่อใบข้าว ความรักขอพ่อที่มีให้เจิด เช่นเดียวกับความตายของทุกคนที่ต้องเจอ

จักรวาลไทบ้าน

แม้ว่า ไทบ้าน เดอะซีรีส์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Thibaan Channel 28 พฤศจิกายน 2018 (อิงข้อมูลความโปร่งใสหน้าเฟซบุ๊กเพจ) ได้มีการให้ข้อมูลในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2018 ของจักรวาลไทบ้านว่าหนังสัปเหร่อจะมีแพลนฉายตั้งแต่ต้นปี 2019 ไว้ว่า

“เปิดตัวจักรวาลไทบ้านอย่างเป็นทางการเด้อพ่อแม่พี่น้อง

ตั้งแต่ปี 2016-2019

เรามีความตั้งใจอยากจะทำให้เป็น จักรวาลไทบ้าน ซึ่งโลกของไทบ้านนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ ไทบ้าน เดอะซีรีส์ภาค 1 หรือ ภาค 2 เท่านั้น แต่จะมี อีกหลายๆ เรื่องที่เชื่อมโยงกัน เช่น สัปเหร่อ, The Pong, ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 3 เป็นต้น ในอนาคตเราจะพยายามสร้างจักรวาลไทบ้านให้เกิดขึ้นให้ได้

อาจต้องอาศัยแรงเชียร์และกำลังใจจากพี่น้องแฟนคลับทุกท่านเพราะในระหว่างทางอาจมีอุปสรรคมากมายรออยู่

.

จั่งได๋ก็ฝากติดตาม ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.1 ก่อนเด้อครับ ตอนนี่ทุกโรงภาพยนตร์เด้อครับ

#จักรวาลไทบ้าน #ไทบ้านเดอะซีรีส์2”

ถึงกระนั้นก็อาจเป็นผลมาจากสถานการณ์โรคระบาดที่เป็นตัวหยุดยั้งทุกอย่าง

วัฒนธรรมร่วม

สิ่งที่น่าสนใจตั้งแต่เริ่มฉาย เสียงหัวเราะของผู้ชมดูจะเยอะกว่า ตั้งแต่ผีมา ผีไป คำพูดของตัวละครกับมุกไทยคำ อีสานคำ ตอบด้วยภาษาอังกฤษแบบเข้าใจง่าย ไม่ใช่มุกที่พยายามใส่มาจนคนดูเอือมหรือตั้งคำถามว่าใส่มาทำไม

นอกจากนี้ ยังรวมถึงพิธีกรรมส่อนขวัญ พิธีกรรมการทำศพในภาคอีสานต่างศาสนา ทั้งคริสต์ อิสลาม และความสบายของญาติผู้เสียชีวิตต่อการจัดงานศพ ตั้งแต่การทำศพสัตว์เลี้ยง ศพเด็กแว้น ศพผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ล้วนแล้วแต่พูดเรื่องความตาย

แม้ในหนังจะไม่มีฉากที่เจิดกับพ่อคุยกันถึงการกลับไปถามคนที่จากไป แต่ในบางส่วนของ MV เพลง ยื้อ ของปรีชา ปัดภัย ก็ได้หยิบบางส่วนเข้ามา

“คืนจากกันบ่บอกบ่กล่าวแท้”

“บ่เป็นหยัง บ่จากมื้อนี่ มื้อหน้ากะจากกันคือเก่า มันบ่มีหยังมาการันตีได่ดอก ว่ามื้ออื่นพ่อสิยังมีชีวิตอยู่บ่ มีความสุขกับปัจจุบัน มีความสุขกับสิ่งที่เจ้าเลือก มีชีวิตที่เหลืออยู่เด้อหำ”

ไม่มีคำอธิบาย

ไม่เพียงแค่นั้น ในตอนท้ายของเรื่อง สภาพของเซียงเริ่มไม่ต่างจากคนสติเลอะเลือนหลังจากติดอยู่กับความฝัน การกลับมาบ้านที่มีทั้งยาย และแฟนคนปัจจุบัน ก็ทำเอาคนใจแข็งอย่างเราที่ตั้งธงไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ให้กับหนังเรื่องนี้ ต้องพังลง

“เซียงไปไสมาลูก ยายนำหากะบ่พ้อ” ประโยคของยายเซียงพูดไม่ใช่ตัวตนคนหาย แต่กลับเป็นขวัญที่ต้องอยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากนั้นก็ตามด้วยพิธีกรรมเล็กๆ ผูกข้อมือรับขวัญ

“ฮ้ายกวดหนี ฮ้ายกวดหนี ดีกวดเข่า ดีกวดเข่า” พิธีกรรมเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนอีสาน และคนต่างจังหวัดจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ที่ส่งผ่านลูกหลานกันมา 

ไม่แน่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องตลกขบขัน แต่เป็นการย้อนกลับไปย้อนคิดกับปัจจุบัน มีชีวิตอยู่ เพื่อตัวเอง และคนที่เขารักเรา