เปิดแนวคิด ‘จอลลี่แบร์’ ขนมเยลลี่แบรนด์แรกในไทย ที่อยู่คู่คนไทยมา 40 กว่าปี!

เปิดแนวคิดการตลาด ‘จอลลี่แบร์’ ขนมเยลลี่แบรนด์แรกในไทย ทำยังไงให้อยู่คู่คนไทยมานาน 40 กว่าปี!

หากพูดถึง ขนมเยลลี่ ในประเทศไทยที่ถือเป็นแบรนด์ดังและครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนานแล้วล่ะก็ จอลลี่แบร์ คงเป็นชื่อที่ผุดขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ ที่เราต้องเอ่ยถึง เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้พูดคุยกับ คุณนิกกี้-พลากร เชาว์ประดิษฐ์ Director ห้างหุ้นส่วนจำกัด อยู่แสงฟ้า โปรดักส์ หนึ่งในผู้บริหารรุ่นที่ 3 ของแบรนด์ จอลลี่แบร์ ที่มาเล่าที่มาที่ไปของแบรนด์และเทคนิคการทำการตลาดที่ทำให้แบรนด์อยู่คู่คนไทยมาได้นาน 40 กว่าปี!

คุณนิกกี้ เล่าว่า จอลลี่แบร์ เป็นแบรนด์ขนมเยลลี่เจลาติน ที่ดำเนินกิจการมาได้ 40 กว่าปี ที่ผลิตโดย บริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด และจัดจำหน่ายโดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด อยู่แสงฟ้า โปรดักส์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน นอกจากนั้น จอลลี่แบร์ ยังได้วางในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น มานานกว่า 30 ปี

“เราถือเป็นหนึ่งในเจ้าแรกๆ ที่ทำธุรกิจเยลลี่ออกมาในลักษณะ Mass Scale ซึ่งผู้บริโภค ณ เวลานั้น ยังไม่มีความรู้ด้วยซ้ำว่าเยลลี่ประเภทนี้ที่เป็นขนมอยู่ด้วย สมัยนั้นอาจจะคุ้นเคยกับ Hard Candy พวกขนมเม็ดแข็ง แต่พอเป็นเจลลี่เราก็ทำการชาเลนจ์ให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักรู้”

คุณนิกกี้-พลากร เชาว์ประดิษฐ์ Director ห้างหุ้นส่วนจำกัด อยู่แสงฟ้า โปรดักส์ หนึ่งในผู้บริหารรุ่นที่ 3 ของแบรนด์ จอลลี่แบร์

“ณ ตอนนั้นจอลลี่แบร์จึงให้ความสำคัญกับ การโฆษณา พอโฆษณาเสร็จ ลูกค้าเริ่มรู้ว่ามีสินค้าแบบนี้ ก็มาซื้อไปบริโภคแล้วรู้สึกชอบ ติดใจ จึงเกิดการซื้อซ้ำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของเราจนมาถึง ณ ปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของ นวัตกรรม ที่มีการคงคุณค่าของสินค้าไว้ ทั้งด้านคุณภาพและราคา โดยเรามีการปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยในการทำตั้งแต่ต้นจนจบ และนำนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาใช้กับสินค้าด้วย ลูกค้าเราจึงมีตั้งแต่กลุ่มเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่” คุณนิกกี้ เล่าอย่างนั้น

นอกจากนั้ นคุณนิกกี้ ยังเล่าว่า สินค้าตัวแรกของ จอลลี่แบร์ จริงๆ แล้วคือ Jolly Stick (จอลลี่ สติ๊ก) หรือลูกอมเคี้ยวหนึบที่เป็น Soft Candy หลักจากนั้นก็จะมาเป็น จอลลี่แบร์

Jolly Stick (จอลลี่ สติ๊ก)

“เราก็เริ่มคุยกับทางด้าน ซีพี ออลล์ เราว่ามันน่าสนใจนะที่จะทำสินค้าที่แยกออกมา เพราะเราทำรสชาติพวกนี้ไว้ให้ผู้บริโภค ประมาณ 6 รสชาติ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเริ่มมีฟีดแบ็ก ก็เริ่มเห็น แล้วยิ่งมีโซเชียลมีเดียเข้ามา มันก็ทำให้เรารู้ว่า ลูกค้าบางคนชอบ สีเขียว บางคนแย่ง JollyBears สีแดงกัน แย่ง JollyBears สีม่วงกัน แน่นอนอยู่แล้วว่าการทำธุรกิจมันก็ต้องมีอุปสรรค ซึ่งที่ผ่านมายอดขายเราก็เรื่อยๆ นะครับ มันจะมีคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศที่เข้ามาแชร์ตลาดกัน ดังนั้น Key Success ของเราสิ่งสำคัญเลยคือ แบรนดิ้ง (Branding)”

“ซึ่ง จอลลี่แบร์ เป็นหนึ่งในแบรด์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย แล้วก็จุดหนึ่งก็คือเราให้ความสำคัญกับด้านคุณภาพสินค้า Food Safety ดังนั้น เราต้องทำให้คุณภาพโรงงานมีการอัปเกรด มีมาตรฐานอุตสาหกรรมสูงๆ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เราพยายามสื่อสารออกไป”

“ดังสิ่งที่เรายึดถือมาตั้งแต่เริ่มทำแบรนด์นั่นคือ คุณภาพสินค้า รสชาติ และราคา ที่เราพยายามทำให้ราคาย่อมเยาให้ผู้บริโภคมากที่สุด ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย คือมีตั้งแต่ราคา 5 บาท 10 บาท 20 บาท อย่างปีล่าสุดนะครับ เราสามารถทำยอดขายไปถึงประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ถ้าคิดต่อเดือนก็ได้ประมาณ 20 กว่าล้าน ดังนั้น เรายังมีความภาคภูมิใจว่าเราไม่ได้ขายราคาที่แพงมาก” คุณนิกกี้ ทิ้งท้ายอย่างนั้น

สอบถามเพิ่มเติม เฟซบุ๊ก JollyBears

หมายเหตุ :  เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2566