ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวมาแรง “ไก่ วรายุท มิลิทจินดา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ แบรนด์”เบลลิส”

หลายปีมานี้จะเห็นว่าผู้ประกอบการในบ้านเราทั้งรายเล็กรายใหญ่ มีการนำข้าวไรซ์เบอรี่มาแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องสำอางกันหลายเจ้า เนื่องจากทราบกันดีว่าข้าวชนิดนี้ประกอบด้วยสารหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย  ซึ่งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) มีส่วนสำคัญในการต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจเหล่านี้   เป็นการนำผลงานวิจัยมาสู่ภาคการผลิตอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน

อร่อยและมีประโยชน์

 อย่างการพัฒนาสูตรไอศกรีมข้าวกล้องงอกของห้างหุ้นส่วนจำกัด ลูกจงรัก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่มีคุณจงรัก ธนูพันธุ์ชัย เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ซึ่งทางสวทช. ภาคเหนือ ได้เชิญ”อาจารย์พัชรียา พิทักษ์สุธีพงศ์” ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม พิษณุโลก ไปให้คำปรึกษาแนะนำ

img_2678

 คุณปิยะฉัตร ใคร้วานิช เบอร์ทัน ผู้อำนวยการ สวทช. ภาคเหนือ ให้ข้อมูลว่า ไอศกรีมที่มีจำหน่ายทั่วไป มีส่วนผสมหลัก ประกอบด้วย ไขมัน ของแข็งที่ไม่ใช่มันเนย น้ำตาล และน้ำ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบที่ช่วยทำให้ไอศกรีมมีคุณสมบัติตามความต้องการ เช่น สารให้สี ให้กลิ่น การทำให้คงรูป และสารที่ทำให้เป็นเนื้อเดียวกันดีขึ้น ส่วนประกอบต่างๆ ที่ต้องปั่นให้เข้ากัน เรียกว่า ส่วนผสมของไอศกรีม ตามปกติไอศกรีมจะมีไขมันประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ โดยไขมันนั้นเป็นไขมันจากเนย หรือน้ำมันพืช

  ดังนั้นจึงได้เพิ่มมูลค่าด้วยสมุนไพรในท้องถิ่นและสารต้านอนุมูลอิสระจากข้าวกล้องงอก เพื่อให้ได้สีสันที่เกิดจากธรรมชาติและมีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงด้วยกระบวนการที่คัดเลือกสรรวัตถุดิบที่ใช้ เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ไอศกรีมที่มีปริมาณไขมันต่ำ

  ใครได้ทานไอศกรีมข้าวกล้องงอกของคุณจงรักแล้ว ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย เพราะนอกจากจะไม่หวานจัดแล้ว ยังได้เคี้ยวข้าวกล้องเม็ดๆที่ผสมลงไปด้วย เรียกว่าได้ทั้งความร่อยและได้ประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ

อดีตครูคหกรรมวัยเกษียณรายนี้เล่าให้ฟังว่า เป็นเจ้าของไร่ Bantam Hill พื้นที่ 50 ไร่ เน้นปลูกดอกกระเจี๊ยบ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 พร้อมจำหน่ายดอกกระเจี๊ยบแห้งให้กับกลุ่มลูกค้าทั่วไป และจำหน่ายราคาส่งให้กับตัวแทนจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป กระทั่งเมื่อ3 ปีที่แล้วกระเจี๊ยบราคาตกต่ำจึงได้หันมาแปรรูปกระเจี๊ยบหลากหลาย ภายใต้ชื่อแบรนด์โรสเซ่ล( Rozele)     อาทิ น้ำกระเจี๊ยบเข้มข้น ซึ่งได้โอท็อป 4 ดาวเมื่อปี 2553  แยมกระเจี๊ยบ  ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่มอบแห้ง ชาสมุนไพรกระเจี๊ยบ  ดอกกระเจี๊ยบแห้ง ไอศกรีมโยเกิร์ตกระเจี๊ยบ  สมูทตี้กระเจี๊ยบ  น้ำกระเจี๊ยบพร้อมดื่ม และน้ำสลัดกระเจี๊ยบ โดยใช้ดอกกระเจี๊ยบแดงสด ประมาณ 40 ตันต่อปี จากผลผลิตที่ไร่เอง  ซึ่งปลูกแบบปลอดสาร

%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%88%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a7

คุณจงรัก ธนูพันธุ์ชัย พร้อมสามีและลูกชายที่ช่วยกันดุแลกิจการ

ปรับใช้นมสดแทนกะทิ

คุณจงรักบอกว่า เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้เริ่มปลูกข้าวอินทรีย์ในพื้นที่ 3 ไร่ ปีแรกปลูกข้าวหอมมะลิ ต่อมาปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี พร้อมกับหาวิธีเพิ่มมูลค่าจากข้าว แทนที่จะขายเป็นข้าวสาร จึงได้ขอความสนับสนุนจากสวทช.อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เคยปรึกษาในเรื่องการทำกระเจี๊ยบแช่อิ่ม และทำไอศครีมกระเจี๊ยบมาแล้ว

ว่าไปแล้วการทำไอศกรีมข้าวกล้องงอกที่ใช้ข้าวไรซ์เบอรี่ของคุณจงรักนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะเธอมีประสบการณ์ในเรื่องการทำไอศครีมอยู่แล้ว จนปัจจุบันได้ไอศครีมทั้งหมดหลายสูตร เช่น สูตรข้าวกล้องกล่ำงอก สูตรแตงไทย สูตรฟักทอง สูตรอัญชัญ สูตรแครอท สูตรกล้วยตาก สูตรงาดำ สูตรนมแพะ และสูตรกระเจี๊ยบ ซึ่งหาซื้อหาทานได้ที่ร้าน Rozele ที่อยู่ในตัวเมืองพิษณุโลก

“ความจริงดิฉันไม่ใช่เจ้าแรกที่ผลิตไอศครีมข้าวกล้องงอก สาเหตุที่ทำเพราะได้ไอเดียมาจากไอศครีมข้าวกล้องงอกของกรมการข้าว แต่เป็นสูตรไอศครีมที่ใช้กะทิ จึงได้ปรับสูตรมาใช้นมสดแทน โดยมีสัดส่วนจากน้ำข้าวกล้องงอกถึง 50% ของปริมาณไอศกรีมทั้งหมด”

พร้อมกันนี้ทางร้านยังมีผลิตภัณฑ์จากข้าวอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น น้ำข้าวกล้องงอกพาสเจอร์ไรส์  บรรจุขวด โจ๊กข้าวกล้องงอกบรรจุซองพร้อมปรุงรส ข้าวกล้องเพาะงอกบรรจุถุง  วุ้นข้าวกล้องงอกและน้ำมันจมูกข้าวรำข้าวแบบบีบเย็น  ชนิดแคปซูล

สำหรับผู้ประกอบการอีกรายที่นำผลวิจัยเรื่องข้าวมาต่อยอดในการทำผลิตภัณฑ์เสริมความงามผ่านโครงการไอแทปของสวทช.คือ บริษัท แอดวาเทค จำกัด ภายใต้การทำการตลาดของบริษัท เบลลิส บิวตี้ จำกัด ซึ่งใช้นวัตกรรมสารสกัดโปรตีนจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ ทำเป็นผลิตภัณฑ์ความงามครีมมาร์คหน้า และสบู่จากสารสกัดข้าว ในชื่อแบรนด์”เบลลิส”(BELL-IS) ที่มีคุณไก่ วรายุท มิลิทจินดา เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

14449023_533201223533106_6953302825907077449_n

คุณสมบัติจากสารสกัดข้าว

ผศ.ดร.สมชาย เจียจิตต์สวัสดิ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้เชี่ยวชาญโครงการ กล่าวว่า การเลือกข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นข้าวชนิดแรกในโครงการ เนื่องจากอุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง โดยการสกัดสารสำคัญจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ด้วยวิธีใช้เอมไซม์ ทำให้ได้สารแอนโทไซยานิน และโปรตีนสกัดจากข้าว ที่มีคุณสมบัติเมื่อทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการแล้ว พบว่า มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่สูง และโปรตีนสกัดที่ได้จากข้าวไรซ์เบอร์รี่เมื่อไปผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส (Hydrolysis) เพื่อให้เป็นโปรตีนสายสั้นแล้ว ยังคงมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าด้วย

สำหรับน้ำที่ผ่านกระบวนการสกัดนอกจากมีสารแอนโทไซยานินปริมาณสูงแล้ว ยังมีเอมไซม์ที่ช่วยในการสกัดโปรตีนออกจากคาร์โบไฮเดรตในข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งช่วยในการขัดผิวและเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิวหน้าของอาสาสมัครอีก จึงเป็นที่มาของการต่อยอดนวัตกรรม ผนวกกับตัวเองได้ทำงานกับวิสาหกิจชุมชนที่ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่สามารถควบคุมการผลิต การปลูก ได้ตั้งแต่ต้นน้ำ และผ่านมายังส่วนของนวัตกรรมการสกัดสารสำคัญในข้าวที่เป็นกลางน้ำ ตลอดจนมีบริษัทเอกชนนำไปต่อยอดทางการตลาดที่เป็นปลายน้ำ เรียกได้ว่าเป็นการผลักดันงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนให้มีกำลังใจในการปลูกข้าวด้วย

ด้าน คุณเบญญาภา ใจบุญมา กรรมการผู้จัดการบริษัท แอดวาเทค จำกัด กล่าวว่า ข้าว “สี” ของไทย มีสารสำคัญทางธรรมชาติอยู่จำนวนมาก หากสามารถนำสารสกัดสำคัญนั้นออกมาได้ จะสามารถขายข้าวในปริมาณที่เป็นกรัมแต่มีมูลค่าเท่ากับที่ขายเป็นเกวียนได้ ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นจดสิทธิบัตรการสกัดสารสำคัญในข้าวสีสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อนำมาต่อยอดเป็นอาหารเสริมและเครื่องสำอาง เพื่อป้องกันต่างชาติเข้ามาลอกเลียนนำข้าว “สี” สายพันธุ์ต่างๆ ไปยื่นจดสิทธิบัตรในประเทศตัวเองและส่งกลับมาขายคนไทย

   ขณะที่คุณศิณัฐมณฑ์ รัฐวราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบลลิส บิ้วตี้ จำกัด เสริมว่า ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่ทำภายใต้แบรนด์สินค้าเบลลิส มี 2 ชนิด ได้แก่ ครีมมาร์คหน้าเพิ่มความกระจ่างใสและลดริ้วรอย และสบู่ฟื้นฟูสภาพผิว ซึ่งเร็วๆ นี้ บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอีก 3 ชนิด ได้แก่ น้ำมันรำข้าวผสมสารสกัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่มีคุณสมบัติในการชะลอวัย เนื่องจากกลไกการป้องกันการสั้นลงของสายเทโลเมียร์ ซึ่งเป็นสายที่เปรียบเสมือนนาฬิกาชีวิตของมนุษย์

%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%a8%e0%b8%b4%e0%b8%93%e0%b8%b1%e0%b8%90%e0%b8%a1%e0%b8%93%e0%b8%91%e0%b9%8c-%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%90%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%87%e0%b8%a8%e0%b9%8c

นอกจากนี้มีเซรั่มจากสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวหน้า เพิ่มความกระจ่างใส และลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ และ สบู่ธรรมชาติที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่และองุ่นแดง ช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และคืนความกระจ่างใสให้แก่ผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้บริษัทอยากมีส่วนในการผลักดันให้เกิดศูนย์วิจัยข้าวขึ้นในประเทศไทย หรือไรซ์เซ็นเตอร์ (RICE Center)