‘กอบกาญจน์’ ประกาศใช้แนวคิดการท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ ให้สินค้า-บริการท้องถิ่น

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภาพรวมรอบครึ่งปีขณะนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2560) พบว่าการท่องเที่ยวไทยมีการขยับเพิ่มทั้งรายได้ 852,038.62 ล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยว 16,818,556 คน เติบโตขึ้นกว่าปี 2559 กว่า 5.61% และ 3.91% ตามลำดับ โดยข้อมูลมีความสอดคล้องกับการคาดการณ์ ของ World Travel and Tourism Council (WTTC) ที่ได้วิเคราะห์ว่า ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยเติบโตอย่างมาก และมีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า นับจากปี 2016 เป็นต้นมา

โดยในปี ค.ศ. 2016 ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ (Visitor exports) รวมมูลค่า 53.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 78.6 ของรายได้จากมูลค่าการส่งออกด้านการบริการ (Service exports) ของประเทศ หรือคิดเป็นร้อยละ 19.1 ของรายได้จากมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการ (Goods and Services) โดยรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 17% ของ GDP ในปี 2559

ทั้งนี้ WTTC ยังคาดการณ์อีกว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้ามูลค่าเพิ่มสาขาการท่องเที่ยวจะขยายตัวสูงที่สุด ซึ่งจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 6.7 ส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 2.7 ซึ่งเป็นโจทย์ข้อใหญ่นับจากนี้ ในการที่ประเทศไทยจะต้องมีการวางยุทธศาสตร์รากฐานการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวไว้อย่างครอบคลุมรอบด้าน และเติบโตอย่างยั่งยืน

“วันนี้เป้าหมายสำคัญคือ เราต้องทำให้การท่องเที่ยวสร้างรายได้ กระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในประเทศได้ เห็นได้ชัดว่าการท่องเที่ยวมีความสำคัญในการขับเคลื่อน GDP ประเทศไทย และในอีก 10 ปีข้างหน้าจะยิ่งมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้โอกาสนี้หาช่องให้การท่องเที่ยวไทยเพิ่มรายได้ (Value Added Tourism) ให้กับสินค้า การบริการท้องถิ่นของไทยไปด้วยกันได้ด้วย”นางกอบกาญจน์กล่าว

นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ในช่วงเวลานับจากปีนี้ ไทยจะเน้นเรื่องการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวใน 6 ด้านที่สำคัญคือ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลาง (Hubs) การเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียน 5 ด้าน ได้แก่ 1.การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) 2.การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical & Wellness) 3.การเป็นศูนย์กลางการจัดงานแต่งงาน (Wedding & Romance) 4.การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ (Maritime Tourism) 5.การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชื่อมโยง (ASEAN Connect) 6. การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism)

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์