ผู้เขียน | ดวงกมล โลหศรีสกุล |
---|---|
เผยแพร่ |
“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินชมรม “KTC PR Press Club” ร่วมสืบสานไทย จัดทริปพิเศษ ทัวร์ไทยไทย ตอน “ไม่ลืมกัน ณ วันวาน” โดยมีคุณณพัดยศ เอมะสิทธิ์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร จากกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร ร่วมถ่ายทอดความรู้ตลอดทริป
เริ่มต้นที่แรก ด้วยการเรียนรู้เรื่องสมุนไพรและตำรับการทำยาหอมโบราณที่ร้านขายยาแผนโบราณย่านเสาชิงช้า “บำรุงชาติสาสนายาไทย” หรือ “บ้านหมอหวาน”
“บำรุงชาติสาสนายาไทย” หรือ “บ้านหมอหวาน” นับเป็นอาคารเก่าแก่สไตล์โคโลเนียล ย่านเสาชิงช้า เป็นมรดกจาก นายหวาน รอดม่วง แพทย์แผนโบราณ มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี พ.ศ.2411 ถึง พ.ศ.2488จวบจนปัจจุบัน บ้านหลังนี้ได้ตกทอดสู่ทายาทรุ่นเหลน และยังคงทำหน้าที่เป็นทั้งบ้านและสถานที่ปรุง ยาแผนโบราณ ของ หมอหวาน สืบต่อกันมากว่า 4 ชั่วอายุคน
โดยภายในตัวอาคารยังคงเต็มไปด้วยโบราณวัตถุนานาชนิด ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาในอดีต ตลอดจน ยาหอมโบราณ กว่าร้อยปีทั้ง 4 ตำรับของ หมอหวาน ซึ่งเคยได้รับความนิยมอย่างมากในอดีต ก็ยังคงได้รับการถ่ายทอดทั้งกรรมวิธีและกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมด้วยเครื่องมือโบราณที่ใช้ในการปรุงยาขายให้กับลูกค้าเก่าแก่มากว่า 100 ปี
คุณภาสินี ญาโณทัย ทายาทรุ่นที่ 4 ของ บำรุงชาติสาสนายาไทย เล่าว่า ยาหอมของบ้านหมอหวาน เกิดขึ้นมานานกว่า 80 ปี โดยคุณตาทวด คือ นายหวาน รองม่วง แพทย์แผนโบราณ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทำการคิดค้นสูตรยาหอมออกมาด้วยกัน 4 ตำรับ
โดยยาหอมทั้ง 4 ตำรับประกอบด้วย ยาหอมสุรามฤทธิ์ มีสรรคุณแก้ ใจสั่น เป็นลม บำรุงหัวใจ ตัวยาสำคัญ คือ โสมเกาหลี พิมเสนเกล็ด อำพันทอง หญ้าฝรั่น ชะมดเช็ด และคุลิก่า 2. ยาหอมอินทรโอสถ แก้อาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย แก้ไอ แก้เสมหะ ตัวยาสำคัญคือ รากแฝกหอม อบเชยญวน เห็ดนมเสือ หญ้าฝรั่น ชะมดเช็ด โคโรค 3. ยาหอมประจักร์ แก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ตัวยาสำคัญ คือ พิมเสน โสมเกาหลี ชะมดเช็ด หญ้าฝรั่น เหง้าขิงแห้ง 4. ยาหอมสว่างภพ แก้วิงเวียน หน้ามืด แก้ ไข้ สะท้านร้อนสะท้านหนาว ตัวยาสำคัญ คือ ใบพิมเสน หญ้าฝรั่น โสมเกาหลี ชะมดเช็ด
“ในอดีต ยาหอม 4 ตำรับ ดังกล่าว ได้รับความนิยมมาก ปัจจุบันเรายังคงถ่ายทอดทั้งกรรมวิธี และกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมด้วย เครื่องมือโบราณ ที่ใช้ในการปรุงยา ขายให้ได้กับลูกค้า นอกจากนี้ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น ได้มีการจัดทำในลักษณะของกิ๊ฟเซ็ท ของขวัญ เพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อกลับไปฝากญาติผู้ใหญ่ในโอกาสพิเศษ บรรจุในแพคเกจที่ทันสมัย”
จากนั้นเยี่ยมชมชุมชนนางเลิ้ง พร้อมรับฟังเรื่องราวที่น่าสนใจ อาทิ ตลาดนางเลิ้ง ตลาดบกแห่งแรกของไทยที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี มีความหลากหลาย และยังเลื่องลือเรื่องอาหารการกิน ละลานตาไปด้วยอาหารคาว – ขนมหวาน
ชมศาลาเฉลิมธานี อดีตโรงหนังใหญ่ที่แรกในกรุงเทพฯ เปิดฉายในสมัย ร.6 บรรจุคนได้ 1,000 คน ปัจจุบันปิดให้บริการแล้ว โรงหนังแห่งนี้ เป็นอาคารไม้สองชั้นขนาดใหญ่ บรรยากาศในโรงหนังเป็นที่นั่งยาว ไม่ระบุเลขที่ ใครเข้ามาดูก็สามารถเลือกได้ตามถนัด
ต่อมาเดินทางไปวัดสุนทรธรรมทาน หรือ วัดแคนางเลิ้ง วัดเก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นสถานที่ชมความงดงามพุทธศิลป์ ชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง อีกทั้งสถานที่นี้ยังเป็นสถานที่เก็บอัฐิของพระเอกยอดนิยมระดับตำนาน “มิตร ชัยบัญชา”
ถัดจากวัดแคนางเลิ้ง ไปย้อนความหลังชม “รำซัดชาตรี” ศิลปะการแสดงเก่าแก่ที่หาชมได้ยากที่ “บ้านศิลปะ”ได้ชมการแสดงละครชาตรีแบบดั้งเดิมจาก คุณครูกัญญา ทิพโยสถ ผู้สืบทอดศิลปะการร้องรำละครชาตรีตามแบบโบราณแสดง นอกจที่นี่ยังเป็นศูนย์เรียนรู้เปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ๆ ผู้ที่สนใจละครชาตรีเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เที่ยวชมได้
และปิดท้ายที่บ้านเต้นรำ ซึ่งเดิมเป็นโรงเรียนสอนเต้นรำชื่อ “สามัคคีลีลาศ” แหล่งรวมความบันเทิงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นสถานที่ปักหมุดของหนุ่มสาวมาฝึกหัดเต้นรำกันที่บ้านไม้แห่งนี้ ปัจจุบันยังเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน