วันที่ 24 มีนาคม 2560 นางขนิษฐา คำจันทร์แก้ว วัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้เตรียมจัดลานแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นประจำ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. เริ่มวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายนปีนี้ รวม 50 วัน ที่บริเวณกลางตลาดแห่งใหม่หลังศาลากลางจังหวัดหลังเก่า โดยวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างความคึกคักให้ให้ตลาดแห่งใหม่นี้ ซึ่งเป็นจุดรองรับการโยกย้ายร้านค้า ที่บุกรุกเขตโบราณสถาน หลังวิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตร เชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะเพิ่มแรงกระตุ้นการท่องเที่ยว  และส่งเสริมการค้าขายสินค้าของฝากและสินค้าที่ระลึก แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ  และในวันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.60) พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานเปิดลานวัฒนธรรม

ทั้งนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พยายามทุกวิถีทาง ที่จะมีการระดมกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไปจัดในตลาดใหม่แห่งนี้เพื่อสร้างสีสัน และช่วยเหลือผู้ค้า ซึ่งยอมโยกย้ายร้านค้ามายังจุดใหม่แห่งนี้ให้ค้าขายได้ดีมีกำไร

อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่โยกย้ายร้านค้า จากตลาดหลังวิหารพลวงพ่อพระมงคลบพิตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกระบุว่า บุกรุกเขตโบราณสถาน ชุดแรกจำนวน 130 ร้านค้า ซึ่งให้ความร่วมมือโยกย้ายด้วยดี  เข้ามาในตลาดแห่งใหม่ บริเวณหลังศาลากลางจังหวัดหลังเก่ากำลังประสบปัญหาอย่างหนัก หลังยอดขายตกได้วันละไม่ถึง 100 บาท โดย นางกัญตา ทองนาง อายุ 57 ปี  อาชีพขายขนมและของฝาก เปิดเผยว่า พวกตนเองยอมแต่โดยดี ที่จะโยกย้ายร้านค้าเข้ามาในที่แห่งใหม่ ทั้งๆภาครัฐไม่มีความพร้อมในการเตรียมจุดรองรับ โดยมีการทำงานแบบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

“ทุกวันนี้เดือนร้อนอย่างหนักเพราะว่า ยอดขายสินค้าตกลงไปมาก บางวันขายได้ไม่ถึง 100 บาท จากเดิมเคยขายได้วันละ 2 พันกว่าบาท ทำให้สินค้าที่เตรียมไว้เสียหายเพราะหมดสภาพ ต้องขาดทุนทันที ขณะที่ค่าใช้จ่ายในบ้านยังสูงแบบคงที่ ส่วนเงินกู้ทั้งในระบบและนอกระบบที่ผู้ค้าไปกู้มาลงทุน เริ่มชัดเจนว่าไม่มีปัญญาจะหาเงินมาชดใช้” นางกัญตา กล่าวขณะเดียวกันมองว่า จุดจอดรถบัสทัวร์ของนักท่องเที่ยว  ตรงจุดนี้ มีแต่รถบัสมาจอดเท่านั้น ไม่มีนักท่องเที่ยว เพราะรถบัสไปจอดส่งคนที่หน้าโบราณสถานซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว และวนรถเปล่ามาจอด พอนักท่องเที่ยวพร้อมกลับ รถบัสจึงวนรถไปรับนักท่องเที่ยว พวกตนเองจึงไม่รู้จะขายสินค้าให้กับใคร