เสียงจากค้าปลีกภูธร สแกนใบหน้า บัตรคนจน พายอดขายฝืด เพราะขั้นตอนยุ่งยาก เป็นภาระประชาชน

ภาพจาก ประชาชาติธุรกิจ
ภาพจาก ประชาชาติธุรกิจ

เสียงจากค้าปลีกภูธร สแกนใบหน้า บัตรคนจน พายอดขายฝืด เพราะขั้นตอนยุ่งยาก เป็นภาระประชาชน

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงการคลังให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต้องมีการสแกนใบหน้าควบคู่กับการใส่รหัสคู่บัตร (PIN Code) จำนวน 6 หลัก ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

ขณะนี้ที่ร้านประสบปัญหาแล้ว เนื่องจากขั้นตอนยุ่งยากมากขึ้น ทำให้การใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐลดจากเดิมเคยได้วันละ 300 ใบ เหลือ 80 ใบ และคาดว่าช่วงต้นเดือนซึ่งเป็นช่วงเงินเดือนออก จะทำให้เกิดความโกลาหลมากขึ้นอย่างแน่นอน

นายมิลินทร์ กล่าวว่า อีกปัญหาที่พบคือ ผู้ป่วยติดเตียงที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถเดินทางมาได้ จะมีผู้ถือบัตรมาแทนนั้น พบว่าก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะไม่สามารถสแกนแทนได้ ต้องมีใบรับรองจากโรงพยาบาลว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงจริง และต้องนำไปรับรองดังกล่าวยืนยันกับธนาคารเพื่อดำเนินการอนุมัติ ถึงจะสามารถรูดบัตรแทนได้ ดังนั้น ในขณะนี้ผลจากการปรับเกณฑ์ใหม่ ได้สร้างความวุ่นวาย และสร้างภาระให้กับประชาชนผู้ถือบัตรอย่างมาก รวมถึงระบบเทคโนโลยีที่รองรับยังไม่มีความทันสมัยมากพอ

นายมิลินทร์ กล่าวถึงกรณีที่มีการผ่านร่าง พ.ร.บ.บัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีการควบคุมการโฆษณาว่า เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทางภาครัฐต้องไปแก้ที่ต้นทางคือเรื่องของอุบัติเหตุ ที่ต้องมีการออกกฎหมายให้เข้มขึ้นมากขึ้น และยังเป็นการสวนทางกับนโยบายภาครัฐที่ต้องการจะกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว แต่ยังมีกฎระเบียบออกมาคุม จะทำให้ภาคธุรกิจทำงานยากลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมเวลาจำหน่ายนั้น ควรจะมีการเปิดขายอย่างเสรีได้แล้ว ทั้งนี้ จากการคุมโฆษณาจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างตั้งแต่วงการโฆษณาจนถึงเด็กเชียร์เบียร์ที่จะเริ่มเห็นน้อยลงไปเรื่อยๆ

“ตอนนี้กำลังซื้อค้าปลีกไม่ดีทั้งประเทศ มีคึกคักบ้างช่วงเทศกาล แต่แค่ไม่กี่วัน อย่างที่ร้านยอดขายตก 15-20% ทุกรายการสินค้า รวมถึงยอดขายเหล้าและเบียร์ด้วยที่ตก 20% และตกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน และแนวโน้มในปี 2567 นี้น่าจะยังไม่ฟื้นตัว เพราะคนไม่มีรายได้เพิ่ม รัฐยังไม่มีมาตรการด้านเศรษฐกิจออกมากระตุ้น เพื่อให้คนมีแรงจับจ่ายใช้สอย” นายมิลินทร์ กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์