| เผยแพร่ |
|---|
จ้างขาย! “ข้าวแกง 20 บาท” รับรายได้หลักหมื่นต่อเดือน สร้างอาชีพ สร้างงานให้คนไร้ทุน
ในยุคที่เศรษฐกิจแบบนี้ อาหารที่ราคาไม่แพง เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ใครหลายคน ดังนั้น หากมีร้านที่มาทำให้เราลดต้นทุนค่าอาหารลงก็คงจะดี อย่างเช่น ร้านข้าวแกงดีลิเวอรี 20 บาท ที่ไม่เพียงแต่ราคาถูกเท่านั้น แต่ยังมีคุณภาพที่ดี และอร่อยถูกปากคนทาน
“เราอาจจะไม่ได้กำไรเยอะเหมือนกับธุรกิจอื่น ที่ว่ามี 29 คัน ภายใน 1 ปี นี่น่าจะรวยไปแล้ว แต่ผมได้ช่วยคนเยอะ แล้วคนที่ซื้อหลายคน เขาซื้อเสร็จแล้วขอบคุณเรา เพราะทำให้การเงินเขาดีขึ้น”
คำบอกเล่าโดย คุณติว-กีรติ ตรันเถียน เจ้าของธุรกิจข้าวแกงดีลิเวอรี 20 บาท ปัจจุบัน อายุ 32 ปี ได้เล่าว่า ตนนั้นสร้างธุรกิจนี้ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาสังคม และในวันนี้จะพาทุกคนไปทราบถึงจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจข้าวแกงดีลิเวอรี 20 บาท ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
จุดเริ่มต้น
แต่เดิมทำธุรกิจค้าข้าวสารมา 20 ปี ชื่อว่า “ข้าวนาไทย” เป็นโรงงานส่งออกข้าว แต่เนื่องจากเจอวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 จึงทำให้คนสั่งข้าวน้อยลง เนื่องจากร้านอาหารหลายแห่งต้องปิดร้าน เขาจึงต่อยอดจากธุรกิจข้าวมาเป็นร้านข้าวแกง 20 บาท
เขาเล่าว่า ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่เพิ่งพ้นโควิด-19 ไปได้ไม่นานนัก พนักงานของเขาหลายคนได้รับความเดือดร้อน ในเรื่องความเป็นอยู่ การกิน มีค่าใช้จ่ายที่เยอะ เขาและครอบครัวจึงคิดว่าอยากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับพนักงาน จึงตั้งเป็นร้านข้าวแกงขึ้น เดิมทีกะจะขาย 20 บาทที่หน้าหมู่บ้าน แต่พอทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้กำไร จึงต้องล้มเลิกไปในขณะนั้น
แต่แล้วก็เกิดเป็นไอเดีย รถขายข้าวแกงดีลิเวอรีขึ้น เหตุเพราะมีคุณป้าอยู่คนหนึ่ง อายุประมาณ 60-70 ปี เขานั่งมอเตอร์ไซค์วินเพื่อมาซื้อข้าวแกงที่ร้าน และคุณป้าได้พูดว่า
“ทำไมน้องไม่มาเปิดหน้าบ้านป้าบ้าง มาเปิดใกล้ๆ ได้ไหม ถ้ามาจะซื้อทุกวันเลย”
คำพูดของคุณป้า จึงทำให้เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า “ทำไมเราไม่ทำรถเข็นที่มันสามารถไปถึงที่ต่างๆ ได้”
“ผมก็เลยลองรถคันแรกด้วยการยืมรถมอไซค์เพื่อนมา แล้วก็เอาพนักงานที่จะตกงานอยู่แล้ว ไม่มีอะไรจะทำ นั่งไปขายดู ปรากฏว่า ตั้งแต่วิ่งออกไปจนถึงจุดขาย คนรุมซื้อกันเต็มไปหมดเลย พอเขากลับมาเขาดีใจกับผมมากเลย”
ถูกและดีมีอยู่จริง
“คือเราขาย 20 บาทก็จริง แต่เราไม่อยากเอาอาหารห่วยๆ ไปเสิร์ฟ เพราะผมมองว่าธุรกิจอาหารจะมาทำลวกๆ ไม่ได้ มันก็ต้องเป็นของดี มีคนที่คอยเช็กรสชาติ เช็กเรื่องความสะอาด ปิดฝา พนักงานต้องอย่าเอามือไปแตะอาหาร และต้องให้สะอาดที่สุด”
โดยปกติอาหารที่จะนำไปขายบนรถนั้นมีจำนวน 15 อย่าง แบ่งขายทั้งหมด 3 รอบต่อวัน จะมีรอบเช้า รอบเที่ยง และรอบเย็น ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ขายดีเขาบอกว่าจะต้องเลือกทำเลให้ถูก
“รอบเช้าจะต้องเป็นตลาด แหล่งชุมชน หรือเป็นที่ที่มีคนเดินทางไปทำงาน รอบเที่ยงจะเป็นที่ทำงาน ออฟฟิศ โรงงาน ส่วนรอบเย็นต้องระวัง ถ้าไปผิดที่ ไปแถวที่ทำงาน จะไม่มีคนซื้อแล้ว เพราะเขากลับบ้านกันหมด”
ไม่ได้ทำการตลาด ไม่ได้ขายแฟรนไชส์ จ้างคนมาขาย แต่ปังได้
โดยปกติเฉลี่ยวันละ 5,000-6,000 บาท ถ้ารายได้สูงสุดยอดจะอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาทต่อวัน แต่ถ้าพนักงานคนไหน ออกไปขายแล้วไม่หาลูกค้า จอดอยู่กับที่ไม่ไปไหน ก็จะได้แค่วันละ 2,000-3,000 บาท
ซึ่งหลายคนคงสงสัยว่ามีวิธีการควบคุมหรือทราบได้อย่างไรว่ารถแต่ละคันขายได้เท่าไหร่ และขายหมดจริงไหม คุณติว เล่าว่า ทางร้านจะมีการสอนตัก และมีการตรวจสอบรถทุกคัน โดยจะมีอาจารย์มาสอนว่าควรจะตักแบบไหน มีการสอนก่อนออกไปขายจริง สอนเรื่องมารยาทด้วย
และหากตักมากเกินไปหรือน้อยเกินไป จะมีค่าตัวเลขบอก เพราะจะมีการชั่งน้ำหนักข้าวตลอด อย่างเช่น เบิกอาหารไปกี่กิโล กลับมาเหลือกี่กิโล ทางร้านก็คำนวณได้แล้วว่าขายไปทั้งหมดกี่กิโล และนำจำนวนที่ขายไปคิดเป็นเงิน พอเราทราบแล้วว่าขายได้เท่าไหร่ เราก็จะนำไปคำนวณต่อว่าเขาตักเยอะหรือตักน้อย
เขาเล่าว่า กำไรที่ได้ จริงๆ แล้วก็โอเคในระดับที่สามารถเลี้ยงพนักงาน 40-50 คนได้ และสามารถที่จะขยายต่อ โดยนำไปซื้อรถเพิ่ม หรือซื้ออุปกรณ์เพิ่มได้
ในด้านการทำการตลาด เขาเล่าว่า “การตลาดผมไม่ได้ทำสื่อออนไลน์เลย แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะให้มันปังหรือบูม คือผมกะว่าช่วยให้ลูกน้องรอด แค่นั้นเอง” พอได้ทำไปทำมา มีหลายคนชอบ และตัวคุณติวเองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะได้ช่วยเหลือคนไปด้วย
ด้านงบการลงทุน ตัวธุรกิจข้าวแกงดีลิเวอรี 20 บาทนี้ลงทุนไปประมาณ 2-3 ล้านบาท เพราะทำไปขยายไป มีทั้งค่ารถมอเตอร์ไซค์ ค่าพ่วงข้าง อุปกรณ์ต่างๆ บนรถ ค่าที่พักพนักงาน จึงต้องมีการลงทุนหลายจุด
“ไม่ใช่ว่าจะเอาคนมาแล้วไปขาย มันไม่ได้ ต้องมีที่พักให้เขา เพราะคนที่มาทำงานก็มาจากต่างจังหวัด บางคนก็คนกรุงเทพฯ ที่ว่าการเดินทางไม่สะดวก เพราะต้องเข้างานตี 4 ตี 5 มีที่พักฟรี กินฟรี แล้วก็รักษาพยาบาล ถ้ามีอะไรเบิก ผมจ่ายให้หมด”
“ดูแลลูกน้องแบบให้เขาไม่ต้องเครียดเรื่องค่าใช้จ่าย เขามีหน้าที่อย่างเดียวคือออกไปสู้ สู้กับแดด สู้กับฝน ไม่ใช่ว่าขาย 20 บาทแล้วมารอลูกค้า ให้ลูกค้าเข้ามาซื้อ มันไม่ใช่ บางทีคุณต้องเข้าไปหาเขา ต้องเอาใจลูกค้าด้วย”
ไม่เน้นรวย เน้นช่วยคน สร้างธุรกิจ เพื่อแก้ปัญหาให้สังคม
“เราอาจจะไม่ได้กำไรเยอะ เหมือนกับธุรกิจอื่นที่ว่ามี 29 คัน ภายใน 1 ปี นี่น่าจะรวยไปแล้ว แต่ผมได้ช่วยคนเยอะ แล้วคนที่ซื้อหลายคน เขาซื้อเสร็จแล้วขอบคุณเรา เพราะทำให้การเงินเขาดีขึ้น”
“มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างคนหนึ่ง เขาบอกว่า เขาเคยดูผม แล้วเขาทำตามที่ผมพูด ว่าถ้ากินเราทั้งเดือนเสียเงินแค่พันกว่าบาทเอง แล้วเขาจะได้เอาเงินตรงนั้น พาลูกไปเที่ยว แล้วเขาทำตาม แล้วเงินเหลือจริง จากที่ปกติใช้ไม่เคยเหลือ”
เขาจึงทำธุรกิจนี้ขึ้นมา ที่เป็นของถูกและสามารถทำให้คนไทยหลายคนเห็นด้วย ช่วยกันอุดหนุน เพราะ ข้าวแกง 20 บาท ถ้าช่วยกันซื้อ ก็มีกำไร ถ้าคนซื้อน้อย ธุรกิจนี้ก็อยู่ไม่ได้
จะเริ่มทำอะไรต้องเริ่มจากเล็กๆ อย่ายอมแพ้
“ผมแนะนำว่า อย่ากู้ แล้วเริ่มทำเบาๆ เล็กๆ ลงทุนน้อยๆ แล้วค่อยๆ ดูการเติบโตของมัน ถ้ามันไปไม่ได้คุณก็แค่ถอยไปทำอย่างอื่น ถ้ามันทำได้คุณก็ไปต่อ แล้วถ้าเรารู้ว่ามันจบที่ตรงนั้น เราก็ควรจะพอ”
