เผยแพร่ |
---|
แตงโมสเลอปี้ เมนูฮิต ขายดีวันละ 200 แก้ว กว่าจะปังขนาดนี้ เคย “เจ๊ง” มาก่อน
นำความชอบมาสร้างธุรกิจ เรื่องราวของ คุณออย-ไอลัดดา สารีธา อายุ 30 ปี เจ้าของร้าน Babe Fruit (เบ๊บฟรุ๊ต) เธอชอบกินน้ำแตงโมเป็นชีวิตจิตใจ นำมาสู่การต่อยอด แตงโมสเลอปี้ เมนูฮิต ที่ขายดีวันละ 200 แก้ว ใช้แตงโมวันละ 200 ลูก
เรื่องราวความสำเร็จของเธอเป็นมาอย่างไร เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาไปไขคำตอบ
อาชีพเดิมของคุณออย เธอเปิดร้านขายเมนูดองเกาหลี และชานมไข่มุกดีลิเวอรีที่บ้านในช่วงโควิด ซึ่งขายดีมากในช่วงนั้น แต่พอถึงช่วงที่โรคระบาดเริ่มซา คนกลับมาใช้ชีวิตกันปกติ ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยสั่งดีลิเวอรีเหมือนเคย เธอจึงต้องพาเมนูดองเกาหลี และชานมไข่มุก ออกไปหาลูกค้าตามงานอีเวนต์
แต่เมนูดองเกาหลีค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนจะชอบทาน ส่วนชานมไข่มุก แม้จะปรับสูตรไม่อ้วนไปขาย ก็ยังไม่ได้รับความนิยม เพราะลูกค้าไม่เข้าใจในโปรดักต์ และไม่มั่นใจในรสชาติ
เธอเลยต้องสู้แบบสุดตัว ไม่คิดยอมแพ้ พยายามพาแบรนด์ออกอีเวนต์อยู่หลายงาน จนถึงที่สุด ก็รู้ว่าทำมาสุดเพดานแล้ว และนับเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอทำอีกแบรนด์ขึ้นมา เพื่อซัพพอร์ตกันและกัน

“เราทำอะไรได้อีก เราชอบอะไร เราชอบกินน้ำแตงโมมาก เลยเอาแตงโมมาสกัดเย็น แต่รสชาติมันไม่ใช่ งั้นต่อยอดทำสเลอปี้ ไม่รู้หรอกว่าจะอร่อยไหม เราไปออกงานที่สาทร มีพนักงานออฟฟิศเยอะมาก ตื่นตี 4 ขนน้ำแตงโมจากนครปฐมไปตั้งร้าน เพราะอยากได้ลูกค้าช่วงเช้าก่อนถึงเวลาเข้างาน ลองใช้เครื่องสเลอปี้กันหน้างานเลย สรุปว่าพอเอาน้ำแตงโมสกัดเย็นมาทำเป็นสเลอปี้แล้วมันอร่อยมาก
ลูกค้าให้การตอบรับดีมาก ขายไม่ทันเลย ต่อคิวกันยาว วันหลังๆ ก็เตรียมน้ำแตงโมไปเยอะขึ้น แต่ด้วยเราไม่รู้วิธีการเก็บรักษา ทำให้เสียไปเกือบ 10 ถุง ถุงละประมาณ 5-6 ลิตร ถ้าคิดเป็นแตงโม ก็ 50-60 ลูก เพราะความเย็นไม่ถึง เราก็เอาข้อผิดพลาดมาพัฒนาต่อ เรียนรู้ด้วยตัวเองจากประสบการณ์ที่เจอ เพราะเราอยากเปลี่ยนภาพจำแตงโม ให้อยู่ภายใต้มาตรฐาน”

หลังออกบูธมาเรื่อยๆ คุณออยเกิดแนวคิดอยากมีที่ขายประจำ เพราะไม่อยากล่องลอย และอยากสร้างภาพจำให้ลูกค้าจำแบรนด์ Babe Fruit (เบ๊บฟรุ้ต) ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปเปิดหน้าร้านแถวอโศก แต่ก็เจ๊งไปหลังจากเปิดได้เพียง 1 เดือน กระทั่งได้ที่ในตลาดสดธนบุรี ที่บังเอิญมีล็อกว่างพอดี
“ตลาดแห่งนี้ให้โอกาสร้านเล็กๆ ของเรา วันแรกขายได้ 900 บาท ซึ่งน้อยมาก เพราะปกติขายได้เป็นหมื่นๆ เลย แต่โอเค ไม่เป็นไร แค่วันแรกเอง ที่ตรงนี้เป็นโอกาสของเรา ทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้น เราต้องทำการตลาด ถ่ายคอนเทนต์ลง TikTok เอาทุกคำติของลูกค้าที่ได้รับตอนออกอีเวนต์มาค่อยๆ ปรับปรุง ไม่เคยนิ่งนอนใจ
เช่น ลูกค้าบอกว่ามันหวานเกิน ใส่น้ำเชื่อมหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ได้ใส่นะ ใช้น้ำแตงโมสกัดเย็น 100 เปอร์เซ็นต์มาทำสเลอปี้ แล้วหาเครื่องวัดระดับความหวาน ให้อยู่ในระดับ 75-80 เปอร์เซ็นต์ ก็จะมีลูกค้าบอกอีกสีแดงเกิน เราก็เอาเนื้อแตงโมมาโชว์ ทำในรูปแบบพร้อมทาน มีแตงโมบอล มีแกนแตงโม ซึ่งเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด ให้ลูกค้าซื้อชิม ความหวานประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ลูกได้เห็นเนื้อแตงโมว่าไม่ได้ใส่สีจริงๆ และได้สัมผัสรสชาติว่าหวานธรรมชาติ ไม่ได้ใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ลูกค้าก็มั่นใจในแบรนด์ของเรามากขึ้น”

ส่วนการคัดสรรแตงโม คุณออยเลือกใช้สายพันธุ์ที่เธอขอเก็บเป็นความลับ โดยซื้อจากซัพพลายเออร์ทั่วประเทศ และญาติที่มีสวนของตัวเอง
“เราต้องทำให้มาตรฐานใกล้เคียงกันทุกวัน การเลือกแตงโม หนึ่ง เนื้อต้องสด แดง สอง เนื้อต้องกรอบ ไม่เป็นเนื้อทราย สมมติว่าเราสั่งมาล็อตหนึ่ง ลองผ่าดูเนื้อ 5-10 ลูก ลองชิมแล้วหวาน ก็เอามาทำ แต่คัดไปสัก 50-60 ลูก ก็ต้องคอยผ่าดูอีก ต่อวันใช้แตงโมเยอะมาก ช่วงขายดีไม่ต่ำกว่า 100 ลูก แต่ ณ ปัจจุบัน ประมาณ 200 ลูก
แตงโมจะมีตลอดทั้งปี เราคัดเกรดพรีเมียม แต่มีบางช่วงหวานน้อย อย่างปีที่แล้ว ช่วงหน้าฝน เรารู้อยู่แล้วว่าแตงโมหวานน้อยจะหวานอยู่ระดับไหน มันจะกลายเป็นสเลอปี้หวานน้อย พอเราทำปริมาณเยอะ มีบางลูกหวานมาก บางลูกหวานน้อย จะผสมกันไป ยังอยู่ในระดับที่ลูกค้าโอเค ทานได้
การที่เราทำแบรนด์และขายแค่แตงโมอย่างเดียว มันมีความเสี่ยงสูง หมายความว่าลูกค้ามาเมื่อไหร่ก็เจอเรา เราเลยต้องเรียนรู้กันทุกวัน ต้องทำงานให้เร็ว แตงโม เป็นผลไม้ที่คนกินได้ทุกวัน เหมือนส้ม มะพร้าว ก็มีคนทำแบรนด์น้ำส้ม น้ำมะพร้าวอย่างเดียว เราก็ตั้งใจทำน้ำแตงโมอย่างเดียวให้ได้มาตรฐานเหมือนกัน เก็บคำติมาปรับแก้ เก็บคำชมมาเป็นกำลังใจ ถ้าสินค้าดีเราจะแฮปปี้มากที่ได้ขายให้ลูกค้า แต่ถ้าสินค้ามีปัญหาเราจะเครียดทั้งวัน”

สำหรับโปรดักต์ที่ทำขาย ปัจจุบันมีแตงโมสเลอปี้ แก้วละ 60 บาท แตงโมสเลอปี้ครีมชีส แก้วละ 90 บาท แตงโมบอล กล่องละ 50 บาท แกนแตงโม กล่องละ 80 บาท มี 7 แท่ง
“แตงโมสเลอปี้ครีมชีส ไม่ใช่ว่าชีสรสไหนก็ได้จะเข้ากับแตงโม เราขายชานมไข่มุกมาก่อน เรามีสูตรครีมชีสอยู่แล้ว ก็ลองเอามาใส่กับแตงโม เอ้า มันเข้ากันมาก ชีสหวานน้อย มีความเป็นนม ครีมมี่ เค็มปลาย ตัดกับสเลอปี้แตงโม กินแล้วสดชื่นมาก ซึ่งแต่ละเมนูเราตั้งราคาให้เข้าถึงง่าย เฉพาะสเลอปี้ เราขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 200 แก้ว” คุณออย เล่าเสริม
และถึงตอนนี้ Babe Fruit เปิดบริการมานาน 1 ปี กับ 5 เดือน ขายทุกวันที่ตลาดสดธนบุรี ตั้งแต่ 9 โมง ถึง 1 ทุ่ม แต่สินค้าจะหมดก่อนทุกวันในช่วงนี้ และคุณออยจะไปขายหน้าร้านด้วยตัวเองเพื่อดูฟีดแบ็กลูกค้า

ก่อนทิ้งท้ายถึงแบรนด์ Babe Fruit ว่า “คิดว่าทำถูกที่สุดแล้ว ที่มาจับโปรดักต์นี้ เราเลือกงานที่เราสามารถมีความสุขได้ทุกวัน ถึงแม้ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่มีปัญหามากที่สุด เราชอบเรารักแตงโมของเรา ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร เรายินดีพร้อมรับมือ ไม่ปล่อยมือ ทำต่อ พัฒนาต่อ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราไม่พร้อมเจอปัญหา ธุรกิจที่เราสร้างมามันจบแล้ว”
และความภูมิใจที่สุดกับแบรนด์นี้ “ภูมิใจที่สุดในชีวิต เราตั้งใจทำทุกขั้นตอน ลูกค้าเห็นแล้วรู้สึกได้ สิ่งที่เราจะต้องทำต่อคือการรักษามาตรฐาน จะทำให้เราอยู่ในเส้นทางนี้ยาวๆ”
ติดตามได้ที่เพจ Babe Fruit – เบ๊บฟรุ๊ต
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567