สรุปดราม่า ‘เชฟอ้อย’ เปิดใจ แฟรนไชส์ลูกชิ้นร้านดัง ลั่นไม่ยอม เตรียมฟ้องกลับ

สรุปดราม่า ‘เชฟอ้อย’ เปิดใจ แฟรนไชส์ลูกชิ้นร้านดัง ลั่นไม่ยอม เตรียมฟ้องกลับ

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา จากกรณีดราม่าสนั่นที่มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง ออกมาโพสต์แฉเจ้าของแฟรนไชส์ลูกชิ้นร้านดัง เอาเปรียบผู้ซื้อ แถมอ้างว่ามีผู้เสียหายจ่อฟ้องเพียบ

ล่าสุดไม่ปล่อยให้ดราม่านาน ออกมาชี้แจงแล้ว สำหรับ “เชฟอ้อย” หรือ “ยุวดี ชัยศิริพาณิชย์” หนึ่งในเชฟหญิงแกร่งจากรายการทำอาหารชื่อดัง ที่นอกจากมีฝีมือการทำอาหารรสจัดจ้านแล้ว ฝีปากของ ‘เชฟอ้อย’ ก็ไม่เป็นสองรองใคร ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาทำอาชีพแม่ค้าขายลูกชิ้นและก๋วยเตี๋ยวแซ่บแห้งจงอางหวงไข่

แถลงจากเชฟอ้อย

งานนี้ “เชฟอ้อย” ก็ได้แคปภาพต้นโพสต์ดราม่า พร้อมเขียนชี้แจงผ่าน Facebook : CHARM GARDEN ว่า เนื่องจากในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 1 ทุ่มโดยประมาณ มีเพจหนึ่งได้ทำการลงข้อความและรูปภาพ ซึ่งข้อความดังกล่าว “เข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพ์”

ทาง เชฟอ้อย จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด ทั้งผู้โพสต์ ผู้ที่คอมเมนต์ ในทางที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหาย และผู้ที่แชร์ต่อ

ทางเชฟขอเรียนย้ำให้ทราบว่า ทางเชฟอ้อยจะดำเนินคดีข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพ์” กับทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และจะไม่ขอรับคำขอโทษ คำขอขมา หรือยอมความใดๆ เพื่อให้เป็นเคสตัวอย่างต่อไป

ความเห็นเพิ่มเติมผ่านช่อง TIKTOK

พร้อมกันนี้ เชฟอ้อยยังออกมาเผยผ่าน TIKTOK : pusrimay ถึงประเด็น ‘แฟรนไชส์’ ใจความว่า ตนเองนั้นเบื่อคน ตนเปิดขายแฟรนไชส์ จังหวัดละ 1 ร้าน แต่บางเคสที่เจอก็หัวหมอ แอบไปขายข้ามจังหวัด แล้วทำทีเปลี่ยนชื่อร้าน เมื่อลองสืบเสาะต้นตอ ก็พบว่าเป็นคนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปจากตน

ทั้งยังบอกว่า คนจำพวกนี้คือ พวกโลภมาก ถ้าอยากขายจังหวัดอื่น ก็ต้องไปซื้อแฟรนไชส์จังหวัดนั้นๆ และเชฟอ้อย ยังเผยต่อว่า แฟรนไชส์บางเจ้าก็ไม่ได้มาตรฐาน ซื้อไปแล้ว ไม่ทำตามที่เชฟอ้อยแนะนำ บวกกับความไม่ชำนาญ ทำให้สินค้าออกมาไม่ได้มาตรฐาน

ซ้ำหนักบางรายแอบนำสูตรของเชฟอ้อย ไปจ้างโรงงานทำอีกด้วย บางรายทำทีเข้ามาขอความช่วยเหลือ อ้างว่าไม่มีทุน พอช่วยก็ทำตัวไม่ดี ห่วงแต่จะได้กำไรน้อย โอดครวญ ทำแล้วไม่ได้กำไรเท่าเชฟ แถมบางรายที่ซื้อแฟรนไชส์ ยังแอบนำแฟรนไชส์ไปขายต่ออีกด้วย

อย่างไรก็ดี เชฟอ้อย เผยว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีแค่บางส่วนเท่านั้น เป็นไม่กี่คน ในกลุ่มผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งเจ้าตัวก็ฝากไปถึงคนกลุ่มนี้ว่า “xึงไม่เจริญหรอก” ก่อนจะย้ำเรื่องความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และการตั้งราคาสินค้า

เชฟอ้อย-ยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ลูกชิ้นและก๋วยเตี๋ยวแซ่บแห้งจงอางหางไข่
เชฟอ้อย-ยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ลูกชิ้นและก๋วยเตี๋ยวแซ่บแห้งจงอางหางไข่

เปิดใจกับข่าวสด

“เชฟอ้อย” เปิดเผยกับข่าวสดออนไลน์ กรณีมีผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไป โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาว่า ถูกตนเองเอาเปรียบ จะยึดร้านคืนกว่า 40 ราย ว่า กรณีนี้ ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ร้านลูกชิ้นราว 10 ราย ทำผิดข้อสัญญา จึงทำให้ต้องยกเลิก และคนเหล่านั้นไม่พอใจ ก่อนมาว่ากล่าวใส่ร้ายตน

“เชฟอ้อย” ชี้แจงประเด็นที่ว่ามี ผู้ซื้อแฟรนไชส์ ได้รับเครื่องมือและอุปกรณ์การทำร้านล่าช้า แล้วขอขายแฟรนไชส์คืนให้ตนนั้น ตามจริงกำหนดส่งมอบหลังติดต่อทำธุรกิจก็จะเร่งให้เร็วที่สุดภายใน 30-40 วัน

แต่ปรากฎว่ากลุ่มที่มีปัญหานี้ เหตุการณ์เกิดในช่วงฤดูฝน ซึ่งเรือสินค้าจากประเทศจีนไม่สามารถเดินทางเข้ามาส่งได้ จนเกิดความล่าช้า คนกลุ่มนี้จึงติดต่อขอเงินค่าแฟรนไชส์คืนทั้ง ๆ ที่ได้สูตรตนไปและอบรมไปเรียบร้อยแล้ว

“เชฟอ้อย” ยังชี้แจงกรณี มีผู้อ้างว่าตนจะยึดแฟรนไชส์คืน ว่า มีเคสหนึ่งที่ จ.ปทุมธานี ผู้ซื้อแฟรนไชส์รายหนึ่งต้องการขายคืน เนื่องจากรายนี้มีงานประจำต้องทำ และไม่มีเวลาบริหารจนไม่ประสบความสำเร็จ

กระทั่ง นายฟลุ๊ก ติดต่อเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์ ก่อนเกิดปัญหากับห้างที่ไปออกบูธ และ ทำสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เกิดการเน่าเสีย ขายของช้าจนแถวยาวเหยียด ซ้ำยังค้างค่าไฟ จนผู้จัดงานต้องติดต่อมาหาตน เพราะ นายฟลุ๊ก อ้างว่าเป็นหลานตัวเอง

ซ้ำแล้วเจ้าตัวยังจะขอซื้อแฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยวไปทำต่อ เพราะต้องการจะระบายลูกชิ้นที่ขายไม่หมด ตนก็ปฏิเสธไม่ยอม แต่ นายฟลุ๊ก กลับโอนเงินมาแล้ว เมื่อเขาไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ก็มีปัญหาอีกเพราะมีลูกค้าร้องเรียนเข้ามา

ก่อนจะทราบว่า เขาไม่ทำตามสูตรที่ได้รับการอบรมไป สุดท้ายก็ติดต่อมาหาตนเพื่อที่จะขายแฟรนไชส์คืน ตนก็ไม่ยินยอม นายฟลุ๊ก จึงบอกว่าจะจบชีวิต

“เชฟอ้อย” กล่าวอีกว่า ส่วนอีกรายหนึ่ง คือ นายวิน ที่ จ.ระยอง ซึ่งทราบว่าเคยลักสูตรชานมร้านหนึ่งมาจนถูกฟ้องร้อง มาขอซื้อแฟรนไชส์ลูกชิ้นตน ไปขายในห้างที่ตัวจังหวัด เกิดปัญหาทำของเน่าเสีย และเอาไปขาย ก่อนตนไปช่วยแล้วมาทราบว่า นายวิน ใช้ลูกชิ้นของเจ้าอื่น โดยเอาสูตรของตนไปจ้างโรงงานตีให้

ทั้งนี้ “เชฟอ้อย” เผยว่า ตนเองขายแฟรนไชส์ไป 60 จังหวัดทั่วประเทศ กลับมีเพียง 10 จังหวัดที่มีปัญหาจากการบริหารจัดการของตัวเองและจะมาขายแฟรนไชส์คืน แต่ตนไม่รับซื้อ เพราะตกลงกันไว้แล้วว่าต้องหาผู้อื่นมาซื้อแฟรนไชส์ต่อ

จนไม่กี่วันมานี้ พวกเขารวมหัวกันสร้างเรื่องขึ้นมา จึงต้องการจะบอกว่า หากทุกคนซื่อสัตย์ ไม่อยากได้จนเกินควร ก็อยู่ได้ ขายได้

พร้อมทิ้งท้ายว่า ตนยืนยันจะดำเนินคดีแน่นอน เพราะได้บอกให้หยุดการกระทำแล้วก็ไม่เลิก โดยวันที่ 12 ธ.ค.นี้จะไปแจ้งความในคดีหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ สน.บางมด