เผยแพร่ |
---|
งาน “FEED RETRO Music Talk Food Book Trip #90 ไม่นานมานี้ มิวเซียมสยาม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 พ.ย.2566 ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. ที่มิวเซียมสยาม มีความตั้งใจอยากชวน ทุกคนย้อนวัยไปยุค 90s
เป็นงานที่ทุกคนจะได้อบอุ่นหัวใจผ่านเสียงดนตรีสดจากนักร้อง ชื่อดังแห่งยุค พร้อมกับกิจกรรมพิเศษ Talk ในสวน ที่จะพาทุกคน ย้อนความทรงจำไปกับบุคคลในตำนานจากหลายวงการ และเต็มอิ่มกับอาหารจานเด็ดจาก 80 ร้านในตำนานและร้านดัง
ขอโฟกัสไปที่ร้านดังในตำนาน ที่พร้อมใจกันขนผลงานมาอวดกันแบบไม่มีใครยอมใคร ยกตัวอย่าง มาเป็นออร์เดิร์ฟ แนะนำตัว ให้รู้จักพวกเขามากขึ้น
“กาแฟเอี๊ยะแซ” ร้านเก่าแก่ในชุมชนจีนอย่างเยาวราช ที่เปิดขายมายาวนานไม่ต่ำกว่า 70 ปี ให้บริการภายใต้สโลแกน ‘คั่วสดๆ ชงใหม่ๆ วันต่อวัน’ รสชาติกาแฟที่ทุกคนคุ้นเคยคือ ‘รสโบราณ’ แท้ รวมทั้งฝีมือการปิ้งขนมปังทาเนยแบบโบราณ
“กุยช่ายสะพานหัน” เริ่มต้นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากรถเข็นคันเล็กๆ ขายน้ำลำไย เข็นไปแถวสะพานหัน-สำเพ็ง ส่วนขนมกุยช่าย ทำมาเพิ่มทีหลัง เริ่มจากไส้เดียว แต่ลูกค้าชอบ อยากกินไส้อื่น เลยทำ หน่อไม่ มันแกว มาเสริม
พอต้องทำขนมเยอะขึ้น จึงเข็นรถไม่ไหว เหล่าม่าเลยไปเช่าที่ตรงสะพานหัน อยู่ริมคลองตรงคอสะพานเลย เปิดเป็นเพิงเล็กๆ ขายกุยช่าย มีสองสามโต๊ะ ทำไม่นาน ลูกค้าชอบ บอกกันปากต่อปาก ร้านของครอบครัวเขาจึงกลายเป็นแลนด์มาร์ก ใครมาสะพานหันต้องมาทานกุยช่าย คนเลยเรียกกันติดปากว่า กุยช่ายสะพานหัน
คุณท็อป-กิตติศักดิ์ ไกรบำรุง เจ้าของกิจการกุยช่ายสะพานหันเจนล่าสุด เล่าว่า เมื่อมารับช่วงต่อ จึงคิดพัฒนาและต่อยอด เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
“อยากเปลี่ยนมุมมองใหม่ เลยทำเป็นร้านใหญ่ๆ มีโต๊ะนั่งทานมีห้องแอร์ มีน้ำเสิร์ฟ กุยช่าย จะไม่ใช่แค่ของทานเล่น ที่ซื้อกลับไปทานบ้านหรือซื้อเป็นของฝากเท่านั้น ปัจจุบันสินค้าในร้านมี กุยช่าย 7 ไส้ ได้แก่ กุยช่ายกลม กุยช่ายเหลี่ยม ไส้หน่อไม้ ไส้มันแกว ไส้เผือก ไส้ไชเท้า ไส้เผือกเห็ดหอม มีทั้งแบบ นึ่ง ทอด มีขนมผักกาด และล่าสุดคือ เบอร์เกอร์กุยช่าย” คุณท็อปกล่าว
“ก๋วยเตี๋ยวแซ่บแห้งจงอางวางไข่ By เชฟอ้อย” รสชาติเผ็ดร้อนถึงใจ ด้วยวัตถุดิบในตัวซอสก๋วยเตี๋ยวจากสมุนไพรที่ให้สรรพคุณ รสเผ็ดร้อนกว่า 20 ชนิด คลุกเคล้าเส้นเล็กเหนียวนุ่ม ท็อปปิ้งด้วยแคบหมู เกี๊ยวทอดลูกชิ้นเด้งๆ ถั่วป่น ถั่วงอก ผักโรย และไข่ต้ม 1 ฟองฟรีๆ ในราคาเพียง 20 บาท
เชฟอ้อย-ยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ เจ้าของร้าน CHARM GARDEN กล่าวว่า เริ่มต้นทำลูกชิ้นปั้นสด จากลองทำกินกันในร้าน แล้วลองขาย 50 กิโลหมดภายในครึ่งชั่วโมง ไม่นานไปตั้งแผงในตลาดนัดที่ระยองวันละ 100 กิโลหมดภายใน 1 ชั่วโมง ช่วงแรกเห็นเงินต่อวันเป็นหมื่น จากหมื่นขยับเป็นแสน และจากแสนบางวันถึงล้านก็เคยมี
ไต๋ไต๋ แกงกะหรี่ เมนูประจำร้าน มีข้าวแกงกะหรี่หมูไข่ข้นจัมโบ้ ข้าวแกงกะหรี่หมูจัมโบ้ ราคา 119 บาท ข้าวหน้าหมูกร๊อบกรอบ ข้าวแกงกะหรี่หมูจุใจ ราคา 79 บาท ไข่ไต๋ไข่ข้น ราคา 59 บาท ไข่ไต๋ไข่เบคอน ไข่ไต๋ไข่แฮมไข่ไต๋ไข่รวม ราคา 69 บาท
เจ้าของร้านบอกว่า “เราไม่อยากขายแพงจนเกินไป ให้ร้านอยู่ได้และลูกค้าตัดสินใจซื้อง่าย”
เมนูเหล่านี้มีสูตรเด็ดคือ เน้นความหอม เครื่องแน่น รสชาติเค็มนำ ไม่เน้นหวาน ถูกปากคนไทย และเคล็ดลับความอร่อยคือการเคี่ยวข้ามคืน แต่ยังมีเท็กซ์เจอร์ของผัก อย่างแครอต มัน หอมหัวใหญ่ และหมูสันนอกสั่งตรงจากฟาร์ม เมื่อถึงเวลาขายจะนำมาอุ่นไว้ทั้งวัน เพื่อเสิร์ฟลูกค้า
“ลูกชิ้นชาวเรือ” แจ้งเกิดเมื่อปี 2552 นอกจากใช้เนื้อปลาล้วนถึง 98% รวมถึงน้ำจิ้มสูตรเด็ดแล้ว จุดเด่นที่ใครๆ พูดเป็นเสียงเดียวกัน คือ ความกรอบ ไม่แข็ง
“ถ้าลูกค้าซื้อต้องอุ่นให้ร้อนและกรอบ ไม่อย่างนั้นไม่เสิร์ฟ ส่วนทอดแล้วไม่แข็งเพราะใช้เนื้อปลาล้วนจริงๆ แป้งมีแค่ 1-2% เท่านั้น ให้แบบล้นถ้วย ตัดพอดีคำทานง่าย และช่วยให้กรอบนาน ถ้วยเล็ก ราคา 50 บาท จำนวน 10 ลูก 20 ชิ้น ถ้วยใหญ่ 100 บาท จำนวน 20 ลูก 40 ชิ้น ราดน้ำจิ้มฉ่ำๆ โปะแตงกวา” คุณมิ้ม-ปิยกมล ปิยะพงษ์ เจ้าของกิจการ บอกอย่างนั้น
“ย้อยหย่อย น้ำแข็งไสสุดชิก” จากน้ำแข็งไสที่ขายกันในราคา 10-15 บาท คุณออม-โชติกา ถิระกิตติกุล เจ้าของกิจการ สามารถอัพราคาขึ้นมาที่ 40 บาท เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว เธอยังใส่ไอเดียสร้างสรรค์เข้าไป ทั้งในแง่การผสมผสานวัตถุดิบที่หลากหลาย ประยุกต์เมนูให้มีความแปลกใหม่ ใช้วัตถุดิบคุณภาพ ตกแต่งร้านให้น่ารัก ตั้งชื่อเมนูให้เก๋ แต่งจานให้สวยขึ้น แล้วทำการตลาดผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย
สำหรับซิกเนเจอร์ของร้าน จะอยู่ตรงส่วนประกอบที่เป็นข้าวเม่า คั่วกรอบซึ่งหาทานได้ยาก อีกทั้งน้ำกะทิ มีความหอมหวานเป็นพิเศษ เพราะใช้น้ำตาลโตนดที่ส่งตรงมาจากเพชรบุรี
นอกจากนี้ การคิดเมนูให้มีความแปลกใหม่ มีส่วนเรียกความสนใจได้เป็นอย่างมาก เช่น ไอศกรีมที่ราดด้วยน้ำปลาหวาน หรือขนมปังสังขยาเสิร์ฟมาในหม้ออุ่นร้อน แล้วให้ลูกค้าดิปกินเหมือนฟองดู เป็นต้น
“Ramen a ราเมนนะ” ใครที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นอย่างราเมน แนะนำ Ramen a ราเมนนะ ที่มีความพิเศษ คือ ขายชามละ 25 บาท อัดแน่นคุณภาพ และน้ำซุปกลมกล่อม ถูกปากคนไทย จนสามารถ สร้างยอดขายได้วันละ 1,000 ชาม ยอดขาย 7 หลักต่อเดือน
“ราเมนนะ มีน้ำซุป 5 อย่าง คือ ซุปปลา ซุปโชยุ ซุปทงคัตสึ ซุปแกงกะหรี่ และอะบุระโซบะ เน้นรสชาติคนไทย คือ เข้มข้น หวาน เค็ม ตั้งราคาขาย ชามละ 25 บาท ต้องบอกว่า ไม่เคยเห็นใครขายราเมน เท่านี้มาก่อน เพราะอยากให้ลูกค้าได้ทานอาหารมื้อประหยัด สามารถทานได้ทุกวัน หากขายถูกกว่านี้ ไม่คุ้มค่าวัตถุดิบ เพราะคัดสรรอย่างดี หรือถ้าแพงกว่านี้ คงเกินไปกับราคาอาหาร ที่คนต้องทานเพื่อความอิ่มท้อง” เจ้าของกิจการเผย
ที่เกริ่นมาเป็นเพียงภาพตัวอย่าง เพราะในงาน “FEED RETRO Music Talk Food Book Trip #90 ไม่นานมานี้ มิวเซียมสยาม ยังมีร้านอร่อยเด็ดอื่นๆ อีกเพียบ อาทิ ‘ทิพย์รส’ ร้านไอศกรีมกะทิมะพร้าวจากทับสะแก ‘ผัดไทยไฟทะลุ’ สตรีตฟู้ดรางวัลมิชลิน บิบ กูร์มองด์ 5 ปีซ้อน “เฮงหอยทอดชาวเล” “ทะเลดอง 20 บาท” ร้านดังในตลาดจ๊อดแฟร์ เป็นต้น
แล้วพบกัน ที่มิวเซียมสยาม 24-26 พ.ย.2566