ประกาศผลรางวัล “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559”

ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ตอกย้ำนโยบายส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี จับมือสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม มอบ 13 รางวัลเชิดชูสุดยอดเอสเอ็มอีไทยที่มีศักยภาพโดดเด่นในโครงการรวมพลังส่งเสริมเอสเอ็มอี “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559” เพื่อสนับสนุนส่งเสริมเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างยั่งยืน ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ซีพี
ออลล์ ได้มีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้องการเสริมสร้างศักยภาพของเอสเอ็มอีไทยในฐานะกลุ่มธุรกิจที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยสนับสนุนสินค้าจากเอสเอ็มอีที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ด้วยการเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพื่อส่งตรงสินค้าถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ที่มีช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านนิตยสารทเวนตี้โฟร์ แคตาล็อก และอีคอมเมิร์ซต่างๆ เพื่อส่งต่อไปยังผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน ซีพี ออลล์ ได้ส่งเสริมสินค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 1,000 ราย รวมสินค้ากว่า 20,000 รายการ และมีเอสเอ็มอีหลายแห่งที่พัฒนาเติบโตเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ รวมทั้งได้เพิ่มปริมาณการจัดจำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอีรายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ซีพี ออลล์ ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดโครงการรวมพลังส่งเสริมเอสเอ็มอี “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559” จัดงานมอบรางวัลเชิดชูเอสเอ็มอีไทยที่มีศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อันมีคุณภาพโดดเด่นใน 8 ประเภท ได้แก่ เอสเอ็มอียั่งยืน เอสเอ็มอียอดเยี่ยม เอสเอ็มอีดาวรุ่ง เอสเอ็มอีสินค้าเกษตร เอสเอ็มอีผลิตภัณฑ์ชุมชน เอสเอ็มอีความคิดสร้างสรรค์ เอสเอ็มอีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และเอสเอ็มอีงานระบบ รวม 13 รางวัล โดยมุ่งหวังจะเป็นแรงบันดาลใจให้เอสเอ็มอีไทยมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้นไป และสามารถก้าวสู่การแข่งขันได้ในระดับสากล ตลอดจนเป็นต้นแบบให้กับเอสเอ็มอีรายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น พัฒนาธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0” ที่มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ณ ห้องดุสิตธานี ฮอลล์ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ

นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนา SMEs และได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ที่เห็นได้ชัดเจนคือ การจัดสรรงบประมาณประจำปี 2560 เพื่อบูรณาการ SMEs เป็นเงิน 3,487 ล้านบาท มีหน่วยงานภาครัฐร่วมบูรณาการ 19 หน่วยงาน งบบูรณาการในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ซึ่งมีจำนวน 1,526 ล้านบาท โดย สสว. เป็นส่วนหนึ่งของงบบูรณาการปี 2560 ได้จัดสรรงบประมาณ 1,226 ล้านบาท ซึ่งจะใช้พัฒนา SMEs ตามวงจรธุรกิจ (Business Life Cycle) ดังนี้ คือ

  1. บ่มเพาะ SME รายใหม่ทั้งภาคเกษตรและอื่น ๆ งบประมาณ 149 ล้านบาท จะทำร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2560
  2. ส่งเสริม SMEs ที่ประกอบการกิจการอยู่เดิมให้เติบโตและมีนวัตกรรม เพื่อให้สินค้าและบริการเป็นที่ต้องการของตลาด งบประมาณ 584 ล้านบาท มีโครงการสำคัญเช่น โครงการสุดยอด SMEs จังหวัด (SME Provincial Champions) โครงการ        SME Strong & Regular level การนำผู้ประกอบการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ ฯลฯ
  3. สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ (Ecosystem) งบประมาณ 493 ล้านบาท เช่น ระบบฐานข้อมูล จัดตั้งศูนย์ ให้บริการ SME ครบวงจร (One-stop Service Center: OSS)

นอกจากนี้ สำหรับ SMEs ที่กิจการได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ สสว. ก็ช่วยเหลือทางการเงินให้ฟื้นฟูได้ โดยร่วมกับสมาคมธนาคารไทย Rescue Center และ SME Bank เป็นวงเงินรวม 3,000 ล้านบาท เพียงวันที่ 3 ก.พ. 2560 กองทุนได้อนุมัติเงินกู้ได้แล้ว 177 ราย วงเงิน 153.63 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 0.86 ล้านบาท

นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 2560 นี้ กสอ. เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างเต็มกำลัง โดยมุ่งผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ขึ้นในประเทศไทย สนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำร่องรุกตลาดใหม่ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ขยายฐานลูกค้า ผ่านช่องทางที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์การค้าชั้นนำ รวมถึงการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ผ่านโครงการของ กสอ. กว่า 35 โครงการ ภายใต้งบประมาณกว่า 830 ล้านบาท อาทิ โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ โครงการสร้างธุรกิจใหม่ โครงการเอสเอ็มอีสปริงอัพ โครงการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เชิงวัฒนธรรม ฯลฯ ขณะที่การจับมือกับซีพี ออลล์ และ สสว. จัดโครงการรวมพลังส่งเสริมเอสเอ็มอี “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559” ก็ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง อันจะสะท้อนกลับมาเป็นความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

ประกาศผลรางวัล “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559”

สำหรับผลรางวัล “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2559” 13 รางวัล 8 ประเภท ประกอบด้วย รางวัล SME ยั่งยืน จำนวน 4 รางวัล ได้แก่  1) ที่นอนและชุดเครื่องนอน “PJ” จากบริษัท เดอะแมทเทรส จำกัด   2) สาหร่ายอบกรอบ “เถ้าแก่น้อย” จากบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)  3) ชา-กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง “เชนย่า” จากบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) 4) แซนวิชอบร้อน จากบริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด

รางวัล SME ยอดเยี่ยม ได้แก่ ขนมหวานวุ้นมะพร้าว “แม่ละมาย” ห้างหุ้นส่วนจำกัด แม่ละมาย รางวัล SME ดาวรุ่ง ได้แก่ เครื่องสำอาง “สมูทโตะ จากบริษัท โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย) จำกัด รางวัล SME สินค้าเกษตร ได้แก่ กล้วยหอมทอง จากห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์

รางวัล SME ผลิตภัณฑ์ชุมชน จำนวน 2 รางวัล ได้แก่     1)กล้วยอบเล็บมือนาง “ศรีภา” จากบริษัท เอส.ที.ไอ. มาร์เก็ตติ้ง (1995) จำกัด และ 2) เครื่องสำอางสมุนไพร “เซนต์และชีววิถี” จากบริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด

รางวัล SME ความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม “โคโค่ เฟรส” จากบริษัท ทรัพย์ประเสริฐ (2558) จำกัด รางวัล SME ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้แก่ ผลไม้สดและสลัดผักพร้อมรับประทาน จากบริษัท พลังผัก จำกัด รางวัล SME งานระบบ จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ 1) บริษัท เอ 14 จำกัด และ 2) บริษัท แอ๊ดวานซ์ อิเลคทริค เซอร์วิส จำกัด