ตลาดรับสร้างบ้าน ปี 66 “ไม่โต แต่ไม่ฟุบ” รอจังหวะฟื้นตัว รับโอกาสความท้าทาย ปี 67

ตลาดรับสร้างบ้าน ปี 66 “ไม่โต แต่ไม่ฟุบ” รอจังหวะฟื้นตัว รับโอกาสความท้าทาย ปี 67
ตลาดรับสร้างบ้าน ปี 66 “ไม่โต แต่ไม่ฟุบ” รอจังหวะฟื้นตัว รับโอกาสความท้าทาย ปี 67

มูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง หรือ รับสร้างบ้านบ้านทั่วประเทศ มีจำนวนรวมทั้งระบบกว่า 2 แสนกว่าล้านบาทต่อปี ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ และคว้าโอกาสใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567

วันที่ 26 ธันวาคม 2566 นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากข้อจำกัดทางธุรกิจนับจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และความสามารถทางการเงินของผู้บริโภค

รวมทั้งค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงจากต้นทุนสินค้าและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีผลต่อการวางแผนปลูกสร้างบ้านให้ต้องชะลอการตัดสินใจออกไปแบบไม่มีกำหนด ทำให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2566 อยู่ในสถานการณ์ที่ทรงตัว โดยที่ไม่มีปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดเติบโต และในขณะเดียวกันยังไม่เกิดภาวะถดถอยมากนัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีเรียลดีมานด์สูงมาก

นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA)
นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA)

ตัวเลขจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC พบว่าทั้งระบบของตลาดนี้ โดยเป็นบ้านสร้างเอง หรือ รับสร้างบ้านบ้านทั่วประเทศ มีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนกว่าล้านบาทต่อปี

ขณะที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้จัดเก็บตัวเลขยอดเซ็นสัญญาสร้างบ้านจากสมาชิกในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 พบว่ามูลค่ารวมอยู่ที่ 9,000 กว่าล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นปี บ้านที่สร้างกับบริษัทสมาชิกของสมาคมรับสร้างบ้าน จะมีมูลค่าราว 12,500 ล้านบาท เท่ากับปี 2565 จากเมื่อต้นปีประมาณการณ์ว่า มูลค่าตลาดจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 13,250 ล้านบาท ในปลายปีนี้

ตลาดรับสร้างบ้าน ปี 66 “ไม่โต แต่ไม่ฟุบ” รอจังหวะฟื้นตัว รับโอกาสความท้าทาย ปี 67
ตลาดรับสร้างบ้าน ปี 66 “ไม่โต แต่ไม่ฟุบ” รอจังหวะฟื้นตัว รับโอกาสความท้าทาย ปี 67

แนวโน้มภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2567

ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566 ยังมีการขยายกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภูมิภาคมีอัตราการเติบโตที่ดี แสดงให้เห็นว่าความต้องการบ้านพักอาศัย (เรียลดีมานด์) ยังมีอยู่ จึงน่าจะเป็นแรงส่งให้ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง จากผู้บริโภคที่เริ่มรับรู้และหันมาใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม เช่น คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว

นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้ร่วมกับอีก 6 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อยื่นให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โดยทางสมาคมฯ ได้เตรียมข้อเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ทั้งนี้จะยึดเอามูลค่าการก่อสร้างบ้านตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่ติดอากรแสตมป์ (อ.ส.4) กับกรมสรรพากร เพื่อนำไปเป็นหลักฐานการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้ที่ต้องการการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจรับสร้างบ้านได้ด้วย

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวยังเป็นการจูงใจให้บริษัทผู้รับสร้างบ้านที่ทำธุรกิจอยู่ทั่วประเทศ และยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

“เชื่อมั่นว่ามาตรการขอลดหย่อนภาษี จะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเองให้ตัดสินใจสั่งสร้างบ้านได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศโดยรวมเติบโตตามไปด้วย” นายโอฬาร กล่าว

นายโอฬาร กล่าวสรุปว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 ยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการรับมือกับปัจจัยลบ เช่น อัตราดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนของราคาน้ำมัน รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทที่จะมีผลต่อต้นทุนวัสดุก่อสร้างรวมถึงค่าขนส่งได้