อาหารรักษ์โลกเพิ่มโอกาสธุรกิจ “เอกา โกลบอล” แนะเอสเอ็มอีเลือกบรรจุภัณฑ์ยืดอายุ-ลดขยะอาหาร

อาหารรักษ์โลกเพิ่มโอกาสธุรกิจ
“เอกา โกลบอล” แนะเอสเอ็มอีเลือกบรรจุภัณฑ์ยืดอายุ-ลดขยะอาหาร

 

ทั่วโลกจับตาสถานการณ์ “ขยะอาหาร” ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน มีแนวโน้มเพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ “เอกา โกลบอล” ผู้นำเทรนด์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารยักษ์ใหญ่ของตลาด แนะไทยเร่งวางแผนรับมือ ดันบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกตอบโจทย์เอสเอ็มอี เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ขยายตัว

คุณชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL)
คุณชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL)

คุณชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า เดือนตุลาคมของทุกปี (16 ต.ค.) ทั่วโลกจะมีมุ่งเน้นการรณรงค์และระลึกถึงวันอาหารโลก (World Food Day) ซึ่งเป็นวันที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กำหนดขึ้น เพื่อให้นานาประเทศเข้าใจความสำคัญของอาหารและปัญหาความอดอยากของประชากรโลก มุ่งหวังให้เกิดความช่วยเหลือกันพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอย่างยั่งยืน โดยในปีนี้ เป็นปีที่เน้นการจัดการทรัพยากรน้ำในห่วงโซ่อาหารให้ยั่งยืน เพื่อรักษาแหล่งน้ำจืดให้มีใช้ยาวนานถึงอนาคต เพราะผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกมีผลต่อคุณภาพแหล่งน้ำธรรมชาติลดลง ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาโลกร้อน ทำให้ทรัพยากรน้ำที่มีจำกัด เช่นกันกับประเทศไทย เป็นประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ของโลกที่จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทั้งจากเอลนีโญ และโลกร้อน

ทั้งนี้ มีอีกหนึ่งกระแสที่ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังพูดถึงมากขึ้นในขณะนี้ คือปัญหา “ขยะอาหาร” หรือ Food Waste ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน มีแนวโน้มปรับเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกๆ ปี โดยขยะอาหารจะเป็นสาเหตุหลักของการเกิดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 27-30 เท่า และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกกว่า 8-10% แถมยังส่งกลิ่นและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค

“ปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาขยะอาหารเนื่องจากในแต่ละปี พบว่า อาหารกว่า 1,300 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั่วโลก ต้องกลายเป็นขยะอาหารที่ถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่า สำหรับประเทศไทยนั้น พบว่าปริมาณ “ขยะอาหาร” มีสัดส่วนสูงกว่า 60% ของขยะทั้งหมด”

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า มีรายงานเปิดเผยว่า คนไทย 1 คน จะสร้างขยะอาหารสูงถึง 254 กิโลกรัมต่อปี โดยปัจจุบันปริมาณขยะอาหารในประเทศมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นจนน่าเป็นกังวล จากปี 2565 ไทยมีปริมาณขยะอาหารอยู่ที่ 17 ล้านตัน โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการผลิตอาหารที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน มีสัดส่วนที่สูงมากกว่า 30% ส่วนปัจจัยอื่นๆ มาจากการบริโภคไม่ทัน หรือบริโภคไม่หมด ทำให้ต้องทิ้งจนกลายเป็นขยะอาหาร

“ไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเป็นครัวของโลก อาหารไทยเป็นที่นิยมของทั่วโลกมากขึ้น นับเป็นผลดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารไทย แต่มีปัญหาที่ตามมา คือ “ขยะอาหาร” ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากไทยยังไม่มีแผนรับมือ ไม่มีระบบการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ปัญหาอาจจะทวีความรุนแรง และส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมได้ โดยผู้บริโภคคนไทยมีส่วนช่วยลดปริมาณขยะเศษอาหารได้ที่ดีที่สุด โดยเริ่มต้นจากการบริโภคอาหารให้หมด หรือแม้แต่การวางแผนการซื้อในแต่ละครั้ง การจัดเก็บให้ถูกวิธี ช่วยยืดอายุก่อนกลายเป็นขยะอาหารได้ เป็นต้น”

ทั้งนี้ มีความน่าสนใจของเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ คือ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก “Longevity Packaging” ของเอกา โกลบอล ที่ให้ความใส่ใจและให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งานกับอาหาร สะอาด ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถรีไซเคิลได้ 100% รวมไปถึงการปกป้องคุณค่าทางโภชนาการ ไม่มีการเปลี่ยนสี และยังช่วยยืดอายุอาหารไม่ให้เสียเร็ว สามารถวางอยู่บนชั้นวางสินค้าได้โดยไม่ต้องแช่เย็น ยาวนานถึง 2 ปี

นอกจากนั้น “บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร” บรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตของเอกา โกลบอล ยังมีคุณสมบัติพิเศษมีความทนทานต่อความร้อนได้ดีเยี่ยมระหว่างกระบวนการรีทอร์ท ซึ่งสามารถทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีโอกาสทางธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้นได้ บรรจุภัณฑ์ของเอกา โกลบอล จะมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย และมีหลากหลายรูปทรงให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบ 1 ช่องบรรจุ หรือ 2-3 ช่องบรรจุ จะเหมาะกับทุกผลิตภัณฑ์ ฯลฯ