เผยแพร่ |
---|
สนจ. จับมือ สถานทูตอิตาลี จัดงานเสวนาและชมภาพยนตร์สารคดีรอบพิเศษ “Me and the Magic Door” ตามรอยสถาปัตยกรรมสมัย ร.5 และ ร.6 ตอกย้ำจุดยืน CU Alumni Connex ส่งเสริมยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
สร้างสรรค์กิจกรรมดีสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง สำหรับ สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนจ.) ล่าสุดได้เปิด CU Alumni Connex ห้องรับรองสำหรับนิสิตเก่าที่ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารศิลปวัฒนธรรม ห่างจากหอประชุมใหญ่ประมาณ 100 เมตร ใกล้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นคอมมูนิตี้เล็กๆ สำหรับสมาชิกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ได้มารวมตัวแลกเปลี่ยนความคิด สร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

คุณดวงพร เที่ยงวัฒนธรรม เลขาธิการ สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ เผยว่า CU Alumni Connex เป็นจุดนัดพบศิษย์เก่าและเป็นจุดแลกเปลี่ยนให้ความรู้ รวมถึงเป็นสถานที่ในการใช้ในการถ่ายทอด Live ในหัวข้อต่างๆ เปรียบเสมือน Alumni Center ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สนจ. นิสิตเก่าสามารถรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับจุฬาฯ รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับ สนจ. กิจกรรมที่นิสิตเก่าสามารถเข้าร่วมได้ สามารถจองกิจกรรม จองที่นั่งชมดนตรีของ CU Art & Culture จองเข้ากิจกรรม Workshop ต่างๆ ได้

คุณรัตนาวลี โลหารชุน ประธานกิจกรรมโครงการ CU Alumni Connex กล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “เพราะทุกการพัฒนามีที่มาและอุดมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับยุคทองของสถาปัตยกรรมในประเทศไทยในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 ที่ทรงพระอัจฉริยภาพทั้งทางด้านภูมิสถาปัตยกรรม การเมืองการปกครองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและอยู่คู่ประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้ สอดคล้องกับความตั้งใจของพวกเราชาวจุฬาฯ ที่มุ่งสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่เป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทาง 17 ด้านขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียมกัน สนับสนุนในการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นหนึ่งในด้านที่ถูกบรรจุอยู่ในวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้ด้วย”

The Ultimate ‘Walk the Talk’ : Italian Architecture and Style in Siam by CU Alumni Connex คือกิจกรรมแรก ที่ สนจ. ร่วมมือกับ สถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย เสวนาและชมภาพยนตร์สารคดีรอบพิเศษ “Me and the Magic Door” ตามรอยสถาปัตยกรรมในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณทั้ง 2 พระองค์ ณ CU Alumni Connex อาคารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทั้งนี้ สารคดีดังกล่าวเคยจัดฉายมาแล้วที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิสและเมืองตูริน สถาบันต้นกำเนิดของสถาปนิกและนายช่างที่มารับราชการในสยาม พร้อมจัดกิจกรรม One Day Trip เยี่ยมชมบ้านพิษณุโลก และวังพญาไท ในวันที่ 14 และ 15 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นการพาไปชมผลงานการสร้างสถาปัตยกรรมของช่างอิตาลี ที่ยังคงสะท้อนความงดงามทรงคุณค่าผ่านกาลเวลากว่า 100 ปี ยังคงไหลเวียนให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงรากเหง้าของวัฒนธรรมและการก่อร่างสร้างชาติให้เป็นประเทศไทยในทุกวันนี้
ความน่าสนใจของสารคดีรอบพิเศษ “Me and the Magic Door” ที่นอกเหนือจากการพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่จุดเริ่มต้นของการพัฒนาบ้านเมืองเพื่อก้าวสู่สยามใหม่ และสายสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ สยาม-อิตาลี ผ่านรูปแบบของสถาปัตยกรรมจากช่างฝีมือชาวอิตาเลียน ซึ่งเข้ามาในช่วงต้นรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 รวมถึงมิติของการเมืองการปกครองในยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก อย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี แต่อิตาลีเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีอาณานิคม

ผศ.ดร.พีรศรี โพวาทอง อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ย้อนไปสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สยามเริ่มมีการก่อร่างสร้างบ้านเมือง สมัยรัชกาลที่ 3 สถาปัตยกรรมแบบจีนเริ่มเข้ามามีบทบาท สมัยรัชกาลที่ 4 มีการติดต่อกับชาติตะวันตกมากขึ้น เรื่อยมาจนถึงต้นรัชกาลที่ 5 ช่างอิตาเลียนได้เข้ามาสู่สยามและเริ่มต้นมีบทบาทในการสร้างสถาปัตยกรรมต่างๆ อย่างมาก เรียกว่า เป็นยุคทองของสถาปัตยกรรมคลาสสิคก็ว่าได้ ถ้าสังเกตเราจะเห็นได้ว่า สยามได้ใช้ช่างจากประเทศต่างๆ อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ในการออกแบบและสร้างตึกรามบ้านช่องมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้ามองในมิติของการเมืองการปกครองแล้ว ทั้ง 3 ประเทศนี้ ถือเป็นประเทศมหาอำนาจ มีอาณานิคม

แต่อิตาลีเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีอาณานิคม ไม่มีส่วนได้เสียในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เป็นภัยคุกคาม ในมิติของสถาปัตยกรรมการก่อสร้าง อิตาลีมีพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี มีโครงสร้างการก่อสร้างที่ทันสมัย และยังมีโรงเรียนที่ตูริน โรงเรียนที่สร้างสถาปนิกและวิศวกรชั้นนำ ซึ่งช่างในสมัยรัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 ส่วนใหญ่จะจบจากสถาบันแห่งนี้ ในสมัยนั้นหลายๆ ชาตินิยมใช้การก่อสร้างแบบคลาสสิคในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งสถาปนิกส่วนใหญ่จะเป็นทั้งชาวอิตาเลียนและชาวเยอรมัน ฉะนั้น จึงเรียกได้ว่า ช่างชาวอิตาเลียนจะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบโดยเฉพาะงานศิลปกรรม ประติมากรรม งานหินอ่อนมากกว่าชนชาติอื่นๆ

บางกอกในสมัยรัชกาลที่ 5 ผู้ทรงครองราชย์ 40 ปีเศษ จึงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง โดยเฉพาะทางกายภาพ การขยายตัวของเมือง เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาของสุขาภิบาล การสาธารณสุข การคมนาคม ทั้งรถเมล์ รถยนต์ รถไฟ รวมถึงการขยายพื้นที่ของเมืองออกไปทั้งทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออกการตัดถนน การวางระบบไฟฟ้า ระบบประปา ล้วนเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้พัฒนาควบคู่ไปพร้อมกับสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสถาปัตยกรรมที่งดงามเหล่านี้ ยังทรงคุณค่าและงดงามมาจวบจนถึงปัจจุบัน อาทิ วังพญาไท ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และบ้านพิษณุโลก เดิมชื่อ บ้านบรรทมสินธุ์ เป็นบ้านสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นต้น


รศ.ดร.หนึ่งฤดี โลหผล อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาอิตาเลียน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวเสริมว่า ช่างอิตาเลียนส่วนใหญ่จะจบสถาปัตยกรรม มีความเชี่ยวชาญด้านการช่าง วาดรูป วิศวะ และที่สำคัญ มีความเข้าใจพื้นฐานและความต้องการของสยาม เท่าที่พบหลักฐาน รัฐบาลสยามในตอนนั้นได้ติดต่อไปยังศาสตราจารย์ใหญ่ที่ Academy of Fine Art ที่เมืองตูรินและโรงเรียนช่างวิศวกรรมอีกแห่งหนึ่ง
เหล่าอาจารย์ต่างคัดเลือกลูกศิษย์ให้มาช่วยงาน คัดเลือกตามความเชื่อมั่นของอาจารย์และเป็นลูกศิษย์ที่ยังเพิ่งจบได้เพียง 3-4 ปี ซึ่งมีความพร้อมในการเดินทางมารับราชการในสยามได้เป็นเวลานานๆ เพราะการก่อสร้างในแต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน บางคนอยู่ 20 กว่าปีขึ้นไป เพราะการเดินทางจากอิตาลีมาถึงสยามในสมัยนั้นต้องใช้เวลาเดินทางราวๆ 30 วัน และไม่ได้สะดวกสบายเช่นทุกวันนี้

“ทางคณะและคณาจารย์ต่างๆ พยายามหาข้อมูลของสถาปนิกทุกคนที่เดินทางเข้ามารับราชการในสยามช่วงนั้น เพื่อนำมารวบรวมเป็นความรู้ในรูปแบบของดิจิทัล แพลตฟอร์ม ให้คนไทยได้เข้าถึงเนื้อหาความรู้ในส่วนนี้เราพยายามนำประวัติศาสตร์อีกช่วงหนึ่งที่สำคัญให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า เรียนรู้จากรากเหง้าต้นกำเนิด เรียนรู้จากแหล่งที่มา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตนำไปสู่การเรียนรู้อย่างยั่งยืนในท้ายที่สุด” รศ.ดร.หนึ่งฤดี กล่าว

สำหรับ CU Alumni Connex เปิดให้บริการ วันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 08.00-21.00 น. ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดยสมาชิก สนจ. ต้องสำรองก่อนการเข้าใช้บริการเท่านั้น ติดต่อได้ที่ โทร. 081-508-7475
