ทีมแฮมเบิร์ก คว้าแชมป์เด็กหัวการค้า ครั้งที่ 6 แคมป์หนุนสร้าง SMEs รุ่นใหม่

ทีมแฮมเบิร์ก คว้าแชมป์เด็กหัวการค้า ครั้งที่ 6 แคมป์หนุนสร้าง SMEs รุ่นใหม่

ทีมแฮมเบิร์ก – ปัจจุบันรูปแบบการทำธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเป็นอย่างมาก มีการใช้นวัตกรรมเข้ามาเสริมอย่างมากมาย ทำให้การเจริญเติบโตทางธุรกิจนั้นเริ่มมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น สามารถสร้างนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและนักเรียนระดับสายวิชาชีพ ให้เป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวทางธุรกิจได้อย่างไม่ยากมากนัก จึงเป็นแรงผลักดันให้นักเรียนนักศึกษาเตรียมพร้อมมุ่งสู่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ในการสร้างตราสินค้า สร้างธุรกิจแนวใหม่ได้ในอนาคต วิทยาลัยผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับหอการค้าไทยและมูลนิธิสิริวัฒนภักดี จัดโครงการ “แคมป์ผู้ประกอบการรุ่นเล็ก…เด็กหัวการค้า” ปีที่ 6 มอบทุนการศึกษากว่า 20 ล้านบาท เพื่อทำตามความฝันของเยาวชนที่จะสร้างความสำเร็จให้กับอาชีพธุรกิจของตนเอง

ล่าสุด ปี พ.ศ. 2563 ครั้งที่ 6 นี้ ทีมแฮมเบิร์ก สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จาก“แคมป์ผู้ประกอบการรุ่นเล็ก…เด็กหัวการค้า” ปีที่ 6 ประกอบด้วยนักเรียน ได้แก่ นายปัณณธร ผิรังคะเปาระ (หัวหน้าทีม) อายุ 18 ปี โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฏร์ธานี, น.ส.รุ่งทิวา โชคลาภ อายุ 18 ปี โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ, นายมูหามะซูเบร์ เดิง อายุ 18 ปี มาจากโรงเรียนรอมาเนีย, น.ส.ณัฐกมล เตียวอนันต์ อายุ 18 ปี โรงเรียนพัทลุง, นายมูฮัมหมัดอัซรอฟ จูมา อายุ 16 ปี โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จังหวัดยะลา, นายปัณณวิชญ์ โคตรสมบัติ อายุ 18 ปี โรงเรียนเทศบาล 1 สุขวิทยากรตั้งตรงจิตร 15 และ นายอภิสิทธิ์ เกิดวงษ์ อายุ 17 ปี โรงเรียนวิทยาลัยพณิชยการธนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร

นายปัณณธร ผิรังคะเปาระ (น้องเจได) อายุ 18 ปี มาจากโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา จ.สุราษฎร์ธานี หัวหน้าทีมแฮมเบิร์ก เล่าว่า “ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่จัดงานนี้ขึ้นมาครับ ตื่นเต้นมากครับสำหรับแชมป์ที่ได้มา แฮมเบิร์กมาจากนวัตกรรมที่ต้องการอะไรแปลกใหม่และแตกต่างจากสตรีตฟู้ดทั่วไป เราก็เลยจับ แฮมเบิร์ก มาต่อยอดเพราะเป็นอาหารที่ทานง่าย และไม่ค่อยมีใครนึกถึง ก็เลยคิดว่าตรงนี้น่าจะสร้างความแตกต่างให้กับตัวโปรเจ็กต์นี้ได้เป็นอย่างดี จากการที่เพื่อนในทีมส่วนใหญ่ก็เป็นชาวมุสลิม มันจึงทำให้เรามีความคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์แฮมเบิร์กโดยใช้ส่วนประกอบเป็นเนื้อหมูในตอนแรกเปลี่ยนมาเป็นเนื้อไก่ เพราะถ้าเรายังใช้เนื้อหมูมันจะส่งผลให้คนบางกลุ่มไม่สามารถที่จะทานได้ พวกเราก็เลยเลือกที่จะทำเป็นเนื้อไก่แทน เพราะเราเห็นถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ของเรา ด้านแพ็กเกจจิ้งนั้นเราได้เห็นจากในการ์ตูนเรื่องหนึ่ง โดยเขาทำแพ็กเกจจิ้งที่ใช้สำหรับใส่เบอร์เกอร์เป็นรูปแบบคล้ายๆ กับที่ใส่เครป และเราก็เห็นว่ามันเป็นแพ็กเกจจิ้งที่ใช้งานง่ายและเหมาะกับอาหารประเภทสตรีตฟู้ด เพราะมันสามารถที่จะถือและเดินทานไปได้เลย แพ็กเกจจิ้งของเรานั้นสามารถใช้งานได้ มาประกอบเป็นรูปเป็นร่างและนำมาใช้งานได้จริงๆ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตัวแพ็กเกจจิ้งของเรานั้นมาจากจานกระดาษขนาด 9 นิ้ว แล้วนำมาตัดครึ่ง และตัวจานกระดาษมันจะมีจีบรอบนอกของจานอยู่แล้ว เราก็จะพับแต่ละข้างเข้าหากันจะทำให้ข้างหนึ่งนั้นเกิดรูและมันจะกลายเป็นรูปทรงเหมือนที่ใส่เครป”

น.ส.รุ่งทิวา โชคลาภ (น้องนก) อายุ 18 ปี โรงเรียนสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ทีมแฮมเบิร์ก เล่าว่า “ดีใจที่ได้แชมป์ครั้งนี้ ด้วยความกดดันของเวลาและข้อจำกัดของวัตถุดิบ ทำให้ทีมเราตื่นเต้นตลอดเวลา ซึ่งการแก้ไขปัญหาของเราก็จะมีการเรียกสมาชิกในทีมมาคุยกันและหารือกันว่าจะทำอะไรต่อไป เน้นการทำงานเป็นทีม จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ทีมเรา มีการออกแบบน้องกุ๊กไก่เป็นโลโก้ของผลิตภัณฑ์ที่พวกเราคิดมาว่ามันน่าจะสร้างความแตกต่าง เพราะแพ็กเกจจิ้งที่เราใช้นั้น มันแตกต่างจากคนอื่นอยู่แล้วและถ้าเราวาดรูปเข้าไปมันจะทำให้แพ็กเกจจิ้งเราดูน่ารักมากขึ้นกว่าเดิม โดยน้องกุ๊กไก่จะเป็นรูปไก่ที่อยู่ในแพ็กเกจจิ้งของพวกเรา เหตุผลที่เลือกเพราะพวกเราขายผลิตภัณฑ์เป็นไก่ เราจึงเลือกที่จะใช้น้องกุ๊กไก่เป็นโลโก้ของเรา อีกทั้งยังเป็นในเรื่องของการหมักเนื้อ ที่กรรมการเห็นและมีการชมว่าเป็นวิธีการหมักเนื้อที่ดี โดยสูตรที่เราใช้นั้นก็มาจากการที่เราจำมาจากคุณแม่ เพราะโดยส่วนตัวชอบทำอาหารและเคยช่วยคุณแม่ทำ จึงนำมาประยุกต์ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ ทำให้คณะกรรมการตัดสินหลายท่านชื่นชอบ ทีมเราได้รับรางวัลนี้มาเพราะมันมาจากความพยายามของพวกเราทุกคน ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เก่งมาก แต่พวกเราก็มีความพยายามที่จะทำงานของเราให้มันออกมาสำเร็จและลุล่วงไปได้ด้วยดี และอาจจะเป็นเพราะความคิดเห็นของเพื่อนๆ แต่ละคนที่อาจจะไม่ตรงกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว การรวมความคิดเห็นของแต่ละคนมันจึงทำให้เป็นสิ่งที่พาเรามาชนะ”