พุดตานตามสั่ง เปิดสูตรปลาตะเพียนทอด พระเจ้าท้ายสระโปรดเสวย ทำกินได้ ไม่ต้องเสียค่าปรับ

พุดตานตามสั่ง เปิดสูตรปลาตะเพียนทอด พระเจ้าท้ายสระโปรดเสวย ทำกินได้ ไม่ต้องเสียค่าปรับ

เป็นกระแสต่อเนื่องสำหรับละครเรื่อง พรหมลิขิต ที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ และได้รับความสนใจจากคนดูมากมาย จนถึงตอนล่าสุด ที่กล่าวถึงพระเจ้าท้ายสระได้เสวยปลาตะเพียน แต่รู้หรือไม่ว่า ในสมัยพระเจ้าท้ายสระมีการสั่งห้ามราษฎรเกี่ยวกับเรื่องปลาตะเพียนไว้ 

วันนี้จะพาทุกคนไปย้อนดูเหตุการณ์ในอดีตว่ามีอะไรเกิดขึ้น และไม่เพียงแค่นั้น เราจะมาเปิดสูตรปลาตะเพียนทอดกรอบไร้ก้างอีกด้วย 

ละครพรหมลิขิตได้ดำเนินเรื่องมาถึงช่วงของพระเจ้าท้ายสระ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ที่พระองค์โปรดเรื่องปลา และโปรดการทรงเบ็ดและตกปลา ซึ่งปลาที่โปรดอย่างมากคือ ปลาตะเพียน ถึงขั้นที่ทรงห้ามมิให้ราษฎรกินปลาตะเพียน

พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของ บริติชมิวเซียมกรุงลอนดอน ระบุไว้ว่า

“ครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินทรงพระประพฤติเหตุในอโนตัปปธรรม แล้วเสด็จเที่ยวประพาสทรงเบ็ดเหมือนสมเด็จพระราชบิดา แล้วพระองค์พอพระทัยเสวยปลาตะเพียน ครั้งนั้นตั้งพระราชกำหนดห้ามมิให้คนทั้งปวงรับพระราชทานปลาตะเพียนเป็นอันขาด ถ้าผู้ใดเอาปลาตะเพียนมาบริโภค ก็ให้มีสินไหมแก่ผู้นั้นเป็นเงินตรา ๕ ตำลึง” 

จากพงศาวดารบอกว่าถ้าใครกินปลาตะเพียนจะต้องถูกปรับถึง 5 ตำลึง ซึ่งทำให้หลายๆ คนสงสัยว่าทำไมถึงสั่งห้าม ทั้งๆ ที่ในสมัยอยุธยามีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของ ข้าว และ ปลา

ขอบคุณข้อมูล ศิลปวัฒนธรรม

แต่จะว่าไปปลาตะเพียนที่ใครๆ ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันมีก้างเยอะมากๆ แต่เหตุใดพระเจ้าท้ายสระจึงโปรดเสวยปลาตะเพียนมากที่สุด นั้นก็อาจจะเป็นเพราะรสชาติที่มีความอร่อย เนื้อปลามีความหวาน มีเนื้อสัมผัสที่มีความพิเศษกว่าปลาอื่นๆ ก็ไม่แปลกที่จะทำให้พระเจ้าท้ายสระโปรดเสวยปลาตะเพียนถึงขั้นสั่งห้ามเลยทีเดียว

แต่ในปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถกินปลาตะเพียนได้ และเมนูที่ใช้ปลาตะเพียนเป็นวัตถุดิบมีมากมาย วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะมาเสนอ 2 เมนู คือ ปลาตะเพียนทอดกรอบไร้ก้าง และ ปลาส้ม ใครที่กำลังดูละครเรื่องพรหมลิขิตก็สามารถนำสูตรทั้งสองนี้ไปทำกินตามกัน หรือจะกินไปด้วยดูละครไปด้วยเพลินๆ ได้เลย

มาเริ่มกันที่ ปลาตะเพียนทอดกรอบไร้ก้าง ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตและอร่อย กินกันได้ทั้งตัวเลย จะมีขั้นตอนอะไรบ้างไปดูกัน

ส่วนผสม

1. ปลาตะเพียน

2. เกลือป่น

3. น้ำมันปาล์ม

4. น้ำจิ้มซีฟู้ด

วิธีการทำ

1. เตรียมปลาตะเพียนที่ขอดเกล็ดนำไส้ออกแล้วนำกระดาษทิชชูหรือผ้ามาซับให้แห้ง

2. ปลาตะเพียนเป็นปลาที่มีก้างเยอะมาก ทั้งก้างเล็กก้างน้อยที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อปลา วิธีที่จะทำให้กินได้ทั้งตัว คือ การบั้งถี่ๆ โดยบั้งจนถึงก้างเพื่อให้ก้างขาด จะบั้งตามลายขวางของปลา ทั้ง 2 ด้าน

3. นำเกลือป่นโรยให้ทั่วตัวปลา แล้วทาให้ทั่ว ทั้ง 2 ด้าน

4. เตรียมน้ำมัน ตั้งไฟให้ร้อน ใช้น้ำมันให้ท่วมปลา พอน้ำมันร้อนแล้วนำปลาลงทอด

5. ทอดจนกรอบ แล้วยกขึ้นสะเด็ดน้ำมันพร้อมเสิร์ฟ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดเพื่อเพิ่มความอร่อย

มาต่อกันที่ ปลาส้ม เป็นการแปรรูปอาหารชนิดหนึ่งของคนภาคอีสาน ด้วยที่มีวัตถุดิบเยอะ จนต้องคิดหาวิธีในการรักษาเอาไว้ มาดูกันว่าขั้นตอนการทำมีอะไรบ้าง

ส่วนผสม

1. ปลาตะเพียน

2. เกลือป่น

3. กระเทียมบดหรือตำ

4. ข้าวสุก (ข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าก็ได้)

วิธีทำ

1. ขอดเกล็ดปลาและควักไส้ออกให้หมด แล้วบั้งปลา ข้างละ 4-5 บั้ง หรือตามต้องการ ถ้าปลาตัวใหญ่ตัดปลาเป็น 2-3 ชิ้น

2. ล้างปลาให้สะอาดแล้วเอาปลาไปแช่ในน้ำซาวข้าว (ใช้แป้งข้าวเจ้าละลายก็ได้) แช่ปลาไว้สัก 20-30 นาที แล้วล้างให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ (ทำให้เนื้อปลาแข็งและลดความคาวลง)

3. จากนั้นนำเกลือมาผสมกับปลา ทิ้งไว้สัก 3 ชั่วโมง

4. ข้าวสุกเอาไปล้างน้ำและผึ่งให้แห้งพอหมาดๆ จากนั้นนำเกลือป่น ข้าวสุก และกระเทียมผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปคลุกกับปลา นวดให้เข้ากัน 

5. นำปลาที่ได้ใส่ในกล่องหรือภาชนะ กดตัวปลาให้แน่น และปิดฝาทิ้งไว้ 1-5 วัน หรือจนกระทั่งมีน้ำออกจากปลาหรือปลามีรสเปรี้ยว

6. เมื่อหลังจาก 1-5 วันแล้ว ก็สามารถนำปลาส้มที่เราทำไว้ มาทอด หรือจะย่าง ก็ตามใจชอบ

ไม่ว่าจะเป็นสูตรปลาตะเพียนทอดกรอบไร้ก้าง หรือ ปลาส้ม ทุกคนสามารถนำไปทำตามกันได้เลย หรือใครที่มีแหล่งวัตถุดิบอยู่แล้วก็สามารถนำสูตรทั้งสองนี้ ไปต่อยอดเป็นอาชีพหารายได้ให้กับตัวเองได้อีกด้วย 

ขอบคุณข้อมูลจาก FoodTravelTVChannel, เทคโนโลยีชาวบ้าน