หนุ่มเชียงราย เลี้ยงไก่ประดู่หางดำ เพาะลูกส่งขายเกษตรกรในพื้นที่ รายได้ดี5พันบาท/เดือน

อาชีพเลี้ยงไก่ ยังคงเป็นอาชีพยอดนิยมในหมู่เกษตรกรไทย เนื่องด้วยไก่เป็นสัตว์พื้นเมืองอยู่คู่คนไทยมาช้านาน คนไทยกับไก่จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว

เห็นได้จากในหมู่บ้านตามต่างจังหวัด หลายบ้านเลือกที่จะเลี้ยงไก่ เป้าหมายการเลี้ยงอาจต่างกันเล็กน้อย บ้างเลี้ยงไว้ขาย เพื่อสร้างรายได้ บ้างเลี้ยงไว้เพื่อการแข่งขันและเกมกีฬา

คุณสุรพงศ์ มณีวรรณ หรือ คุณเอ๋ ตัวอย่างเกษตรกรไทยรุ่นใหม่ วัย 34 ปี เจ้าของธามเมอร์ฟาร์ม ฟาร์มไก่ประดู่หางดำ มีพื้นที่ทั้งหมด 2 งาน เปิดมาได้ 7 เดือน ตั้งอยู่ที่ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย

ก่อนจะเป็นธามเมอร์ฟาร์ม คุณเอ๋คลุกคลีอยู่ในวงการอาหารสัตว์มาก่อน เพราะเคยทำงานในโรงงานอาหารสัตว์ จากนั้ออกมาเปิดบริษัทผลิตอาหารสัตว์ แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงนั้น ส่งผลให้บริษัทต้องปิดตัวลง

“ผมเริ่มสำรวจจากสิ่งใกล้ตัวว่าพอจะมีอะไรที่สามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้บ้าง ซึ่งตัวผมเองมีความรู้ด้านอาหารสัตว์อยู่แล้ว ประจวบเหมาะกับทาง สกว. เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่เลี้ยงไก่ประดู่หางดำด้วย เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ จึงเข้าร่วมโครงการ”

ก่อนเข้าร่วมโครงการ คุณเอ๋ บอกว่า ตนเลี้ยงไก่ประดู่หางดำอยู่แล้ว หาซื้อพ่อแม่พันธุ์ไก่จากเกษตรกรทั่วไป นำมาเลี้ยงด้วยความรู้ที่ตนมี

และเหตุที่เลือกเลี้ยงสายพันธุ์นี้ เพราะเป็นพันธุ์ไก่พื้นเมืองพันธุ์แท้มีมาตั้งแต่โบราณ ที่สำคัญ เลี้ยงง่าย โตเร็ว มีโครงสร้างใหญ่ ให้เนื้อที่ไม่เหนียวมาก

เป็น 1 ใน 4 พันธุ์ที่กรมปศุสัตว์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ร่วมมือกันคัดเลือกพันธุ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545

มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์ที่สำคัญ ดังนี้ เพศผู้ มีสีหน้าแดง/ดำ สร้อยคอและสร้อยหลังมีสีแดงเข้ม ขนลำตัวขนหาง แข้ง ปากมีสีดำ ผิวสีขาวอมเหลือง ตาสีเหลืองอมน้ำตาล และหงอนเป็นหงอนถั่ว

ส่วนเพศเมียจะมีลักษณะคล้ายกับเพศผู้ มีความแตกต่างกันคือไม่มีขนสร้อยคอ-หลัง ให้ไข่ 131-181 ฟองต่อปี

คุณเอ๋เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ ไว้เพื่อผลิตลูกเจี๊ยบส่งขายให้กับเกษตรกรที่สนใจเลี้ยงและกลุ่มเครือข่าย ทั้งในและนอกพื้นที่

ลูกเจี๊ยบที่ขายให้เกษตรกรอยู่ที่หลักร้อยตัว เพราะตอนนี้พ่อแม่พันธุ์ยังมีจำนวนไม่มาก มีแม่พันธุ์ที่สามารถให้ไข่ได้ 30 ตัว และแม่พันธุ์รอให้ไข่อีก 70 ตัว หากรออีกสัก 2 เดือน จะสามารถส่งลูกเจี๊ยบได้ถึง 250 ตัวต่อสัปดาห์ สร้างรายได้ 5 พันบาทต่อเดือน

“ในอนาคตผมจะขยายพื้นที่เลี้ยงไก่ออกไปอีก และตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนแม่พันธุ์เป็น 250 ตัว”

เกษตรกรที่รับซื้อลูกเจี๊ยบ จะนำไปขุนให้โต ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนครึ่งถึง 3 เดือน จะได้น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม จากนั้นนำไปขายและแปรรูปต่อไป

ถามถึงข้อระวังในการเลี้ยงไก่ คุณเอ๋ บอกว่า ต้องระวังเรื่องโรคติดต่อเป็นพิเศษ ควรวางมาตรฐานฟาร์มให้ได้คุณภาพ เริ่มจากทางเข้าฟาร์มจะมีน้ำยาฆ่าเชื้อวางไว้ พร้อมรองเท้าบู๊ต และน้ำสำหรับล้างเท้า

ในส่วนของอาหารจะใส่สมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคผสมเข้าไว้ด้วย ไพล ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร นอกจากจะป้องกันโรคได้แล้ว สมุนไพรเหล่านี้ยังช่วยให้ไก่แข็งแรง เมื่อแข็งแรงไก่จะกินอาหารได้เยอะ ทำให้ออกไข่ได้จำนวนมาก ลูกเจี๊ยบที่ได้มาสมบูรณ์ตามไปด้วย

“ผมนำความรู้และประสบการณ์จากการคลุกคลีอยู่ในวงการอาหารสัตว์ มาประยุกต์ใช้ มีแหล่งซื้อวัตถุดิบราคาถูก เลือกใช้วัตถุดิบที่เกิดตามฤดูกาลได้อย่างดี”

สำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่อยากเลี้ยง คุณเอ๋ บอกว่า ข้อหนึ่ง ต้องศึกษาข้อมูลและนิสัยของไก่แต่ละสายพันธุ์ให้ดีเสียก่อน เลี้ยงแล้วไก่ต้องไม่ตาย อย่างที่สอง ต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับสร้างโรงไก่ และสาม ควรมีความรู้เรื่องอาหาร

สนใจติดต่อได้ที่ 091-870-1848