ที่มา | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
เผยแพร่ |
หลายปีมานี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง ต้องทนกับราคาพืชไร่ที่ผกผันขึ้นลงไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะทนทำได้อีกนานเท่าไร จนตอนนี้เกษตรกรหลายรายเริ่มทนไม่ไหวกับราคาที่ตกต่ำจนอยู่แทบไม่ได้ ต้องเป็นหนี้ หนีมาปลูกพืชชนิดอื่นกันแล้วหลายราย
คุณทองสุข ชำนาญผลิต หรือ พี่อุ้ม อยู่บ้านเลขที่ 856/1 ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นเกษตรกรอีกรายที่จากเดิมปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้ แต่ช่วงหลังๆ มานี้พี่อุ้มบอกว่าอยู่แทบไม่ได้ ไหนจะราคาต่ำ แต่ต้องลงทุนต่อไร่สูง ต้องเป็นหนี้เป็นสิน จึงมีแนวคิดหาทางออกมาปลูกอย่างอื่น ได้ไปลองเดินดูตลาดว่าพ่อค้าแม่ค้าเขาขายพืชผักชนิดไหนดี และพืชผักที่ขายดีส่วนใหญ่จะเป็นผักชนิดที่บริโภคกันทุกวันหรือเป็นผักที่เป็นส่วนสำคัญในการทำอาหาร พอรู้แล้ว จึงปิ๊งไอเดียคิดที่จะปลูกหอมแบ่ง เพราะดูแล้วปลูกไม่ยาก คนบริโภคทุกวัน ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือเรามีครบอยู่แล้ว
พี่อุ้ม หนุ่มโสด วัย 41 ปี ใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรตั้งแต่จำความได้ ด้วยความที่เรียนจบไม่สู งจึงยึดอาชีพเป็นเกษตรกรอาศัยความชำนาญเลี้ยงชีวิต ปัจจุบันพี่อุ้มเริ่มหันมาปลูกหอมแบ่ง เป็นระยะเวลา 2 ปี ถือว่าราคาดีมาตลอด จึงมีการวางแผนที่จะปลูกหอมและผักชีเพิ่มอีก 11 ไร่ เพราะตอนนี้ปลูกเพียง 2 ไร่ แบ่งปลูกหอมเป็น 2 พันธุ์ ด้วยกัน คือ พันธุ์ขาไก่ 1 ไร่ และพันธุ์อุตรดิตถ์ 1 ไร่
หอมทั้ง 2 สายพันธุ์นี้ มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป อย่างพันธุ์ขาไก่มีอายุเก็บเกี่ยว 60 วัน สายพันธุ์นี้ต้องดูแลนานก็จริงแต่คุ้ม เพราะสามารถเก็บไว้รอราคาขึ้นได้ ส่วนสายพันธุ์อุตรดิตถ์ให้ผลผลิตดี อายุการเก็บเกี่ยวสั้น เพียง 35-40 วัน เก็บขายได้เร็ว ไม่ต้องดูแลมาก
หอม เป็นพืชที่ปลูกได้ตลอดทั้งปี ถ้าหน้าฝนราคาจะสูงถึงกิโลกรัม 150 บาท พูดง่ายๆ ว่า ผลผลิตยังคาแปลงพ่อค้าแม่ค้าก็มาแย่งจองกันแล้ว อย่างที่นี่ทำได้ตลอด เพราะรู้แล้วว่าช่วงฤดูฝนมาต้องทำอย่างไร ยกร่องแปลงสูงขนาดไหน หน้าฝนทีไรเรายิ้มออก เพราะมีการจัดการที่ดี
เทนนิคการปลูก ยกร่องหนีฝน
การปลูกหอมแบ่งของพี่อุ้ม จะไถดิน 2 ครั้ง และยกร่องให้สูง หากอยู่ในช่วงฤดูฝนใช้วิธีนี้ ปัญหาหอมเน่ารากเน่าจะไม่เกิด ขั้นแรกไถพรวนผาล 3 ทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ แล้วยกร่อง ครั้งที่ 2 ไถพรวนผาล 4 ตากดินทิ้งไว้อีก 1 สัปดาห์ และยกร่องขึ้นมาใหม่ให้ร่องสูงประมาณหัวเข่า เพื่อแก้ปัญหาในช่วงฤดูฝนกันรากเน่า ความยาวของแปลงตามสะดวก เมื่อทำเสร็จให้รดน้ำ 2 วัน แล้วใช้เครื่องตีดินแบบเดินตาม เพื่อให้ดินร่วนซุยอีกครั้ง
เมื่อเตรียมดินยกร่องปลูกเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้นำหัวหอมที่เตรียมไว้มาปักลงดิน เพียงครึ่งหัว ความห่างระหว่างต้น 1 คืบมือ 1 หัว จะแตก 4-5 ต้น ถือว่าได้ผลผลิตกำลังพอดี ถ้าให้มากกว่านี้ หลอดจะเล็ก ตลาดไม่ต้องการ เราต้องทำให้ตรงกับความต้องการของตลาดถึงจะขายได้
การดูแล-ระบบน้ำ
ระบบน้ำที่ใช้เป็นระบบสปริงเกลอร์หัวปกติ รดน้ำเช้า-เย็น ในตอนเช้าเปิดรดน้ำ 5 นาที ตอนเย็นรดเพียง 2 นาที เมื่อหอมขึ้นประมาณ 1 ข้อนิ้ว ให้พักรดน้ำเป็นวันเว้นวัน หากรดทุกวันตาจะไหม้
โรคแมลง
มีเป็นปกติ ยิ่งช่วงหน้าร้อนต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะหนอนหลอดจะระบาด วิธีการดูแลอาจต้องมีการใช้สารเคมีผสมกับอินทรีย์บ้าง อย่างการใช้น้ำส้มควันไม้เข้าช่วย จะให้ใช้สารเคมีอย่างเดียวผู้บริโภคก็ไม่ไหว เกษตรกรตัวเราเองร่างกายก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
การเก็บเกี่ยว
ใช้แรงงาน ถอนช่วงเช้าๆ 45 เข่ง ก็ได้เป็น 100 กิโลกรัมแล้ว เราไม่ได้ถอนทั้งวัน ถอนแล้วตั้งไว้ ล้างน้ำเปล่า ตากไว้ในที่ร่ม หอมจะไม่เหี่ยว ตกเย็นมาขับรถไปส่งที่ตลาด
ลงทุนน้อย กำไรมาก
ปลูกหอมแบ่ง 2 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 2-3 ตัน ต่อไร่ หากคิดราคาในปัจจุบัน อยู่ที่กิโลกรัมละ 25-35 บาท ราคามีดีบ้างไม่ดีบ้าง หากขายไม่ได้ก็สามารถนำมาทำพันธุ์ต่อได้ ทำมา 2 ปี ถ้าเทียบกับการปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังถือว่าคุ้มกว่ากันมาก ปลูกหอมใช้เงินลงทุน ประมาณ 15,000-20,000 บาท ราคานี้รวมค่าพันธุ์หอม ค่าแรง ค่าอุปกรณ์แล้วทุกอย่าง แต่ถ้าปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง บวกกับค่าเช่าที่แล้ว ต้องใช้เงินลงทุน ไร่ละ 200,000 บาท ทำไปก็เป็นหนี้ ซึ่งตอนนี้มีแผนที่จะยกเลิกการปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง แล้วเปลี่ยนมาขยายเป็นการปลูกหอมและผักชีเพิ่ม
สร้างรายได้เสริม วางแผนเพาะหัวขายพันธุ์เอง
พี่อุ้ม บอกว่า การปลูกหอมเริ่มแรกต้องซื้อพันธุ์จากแหล่งอื่น มีราคาสูง ราคากิโลกรัมละ 65-80 บาท ถือว่าแพง ปลูกได้เพียง 1 ครั้ง จึงมีแผนที่จะเพาะหัวเอง ซึ่งตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว แต่ตนขายไม่แพงมากนัก เพียงกิโลกรัมละ 40-65 บาท ส่งฟรี ถือว่าช่วยเกษตรกรด้วยกัน
วิธีการเพาะหัวไม่ยาก ใช้เวลาเพาะเพียง 90 วัน ใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 เมื่อมีหัวขึ้นมานิดหนึ่ง ให้รดน้ำ แต่ไม่ต้องรดบ่อย 5-6 วัน ค่อยรด 1 ครั้ง เมื่อถึงเวลาใกล้ถอน ก็ไม่ต้องรดน้ำเลย ซึ่งการขายพันธุ์ถือว่าได้รายได้ดี เพราะเราแทบไม่ต้องลงทุนและดูแลอะไรเลย
ส่งตลาดไท และสี่มุมเมือง เป็นหลัก
การตลาดของพี่อุ้มไม่ได้ยุ่งยาก ใช้วิธีแบบบ้านๆ คือเดินหาตลาดเอง ในปัจจุบันจะส่งที่ตลาดไท และสี่มุมเมืองเป็นหลัก มีส่งให้กับตลาดสดแถวบ้าน วันละ 100 กิโลกรัม ราคาขายส่งถือว่าดี กิโลกรัมละ 25-35 บาท แต่ในบางครั้งก็ต้องประสบกับปัญหาผลผลิตไม่พอส่ง ต้องเว้นช่วงการส่งนานถึง 10 วัน เนื่องจากเรายังปลูกน้อย ผลผลิตขึ้นไม่ทัน ถ้าจะให้ทันต้องเพิ่มพื้นที่และมีพันธุ์หอมมาตุนไว้
ฝากข้อคิดถึงเกษตรกรมือใหม่
อยากให้ทุกคนสู้อย่างผม ผมมีความรู้เพียง ป. 3 ทำมาแล้วหลายอย่าง ดีบ้างเจ๊งบ้าง ต้องสู้กันต่อไป เพราะหากคิดที่จะเดินทางสายเกษตรแล้วย่อมมีดีมีร้าย ค่อยๆ คิดหาวิธีแก้อย่างผม ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง แล้วขาดทุน ก็ต้องหาวิธีว่าจะทำอะไร ปลูกอะไรต่อไปอย่างที่ตลาดเขาต้องการ ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนสู้ และหมั่นพัฒนาศึกษาการตลาด จะต้องประสบผลสำเร็จสักวัน ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ การปลูกหอมของผมกว่าจะทำได้ ผมก็ไปแอบดูคนอื่นเขาเหมือนกัน พี่อุ้ม กล่าว
สอบถามข้อมูล หรือสนใจพันธุ์หอมแบ่ง ติดต่อ คุณทองสุข ชำนาญผลิต หรือพี่อุ้ม ได้ที่เบอร์โทร. (093) 087-1134