เกษตรกรแปดริ้ว แนะ ทำสวนมะม่วงไม่ยาก มีเท่าไหร่ขายหมด ได้จับเงินล้านทุกปี

หน้าร้อนปีนี้ผมได้ไปเที่ยวที่จังหวัดพิจิตร มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมและชิมมะม่วงน้ำดอกไม้ที่สวนสมหมาย
เป็นสวนที่ผลิตมะม่วงส่งออกต่างประเทศ แต่ละปีเป็นจำนวนมาก แต่ผมได้เพียงชิมและดูคนงานนำมะม่วงสดบรรจุกล่องเท่านั้น

ทว่า ตอนที่ผมได้ไปชมสวนมะม่วงที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นอกจากผมมีโอกาสได้กินมะม่วงสุกสดๆ จากต้นแล้ว ยังได้พูดคุยกับเจ้าของสวนคือ ปราโมทย์ วรชาติตระกูล ด้วย สวนมะม่วงแห่งนี้รู้จักกันในนาม สวนลุงโมทย์

ถูกแล้ว ถ้าไปถึงตำบลคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน บอกว่าอยากไปที่ สวนลุงโมทย์ ก็จะได้รับการชี้บอกทาง เพราะใครๆ ก็รู้จักนั่นเอง

ตอนที่ผมไปถึงสวนลุงโมทย์นั้น เป็นต้นเดือนเมษายน มะม่วงกำลังออกลูกดก เพียงแต่มองไม่เห็นลูก เพราะแต่ละลูกจะถูกห่อด้วยถุงกระดาษ
ผมมารู้ตอนหลังว่า สมัยก่อนมะม่วงจะถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ แต่ในปัจจุบันมีถุงกระดาษสำเร็จรูปไว้สำหรับห่อผลไม้ขายอยู่ทั่วไป ถุงกระดาษชนิดนี้เรียกเป็นทางการว่า ถุงสารคาร์บอน

มะม่วงที่อยู่ในถุงกระดาษนี้จะป้องกันแมลง กระรอก และนก ไม่ให้เข้ามากัดกิน จึงได้มะม่วงแต่ละลูกมีผิวเกลี้ยงไม่มีจุดดำ เหลืองอร่าม น่ากิน

ตอนที่ผมไปถึงสวนพบว่า ลุงโมทย์กำลังบัญชาการให้คนงานเก็บมะม่วงอยู่พอดี เมื่อเก็บได้แล้วก็เอาถุงออกไว้ใช้ห่อหุ้มมะม่วงครั้งต่อไปได้

มะม่วงน้ำดอกไม้ที่เก็บได้จะถูกนำมารวมไว้ที่บ้านซึ่งอยู่ติดกับถนนเพื่อจำหน่ายต่อไป

เดิมทีลุงโมทย์จะส่งมะม่วงให้บริษัทที่รับซื้อเพื่อส่งออก มีเท่าไรก็ขายได้หมด แต่ต้องคัดมะม่วงที่มีลูกได้ขนาดตามที่เขาต้องการ ผิวก็ต้องสะอาดด้วย มะม่วงที่เหลือจากการคัดก็นำมาขายเอง

ต่อมาลุงโมทย์ขายมะม่วงให้เฉพาะพ่อค้าที่มาซื้อถึงสวนเท่านั้น เพราะสะดวกไม่ต้องมีขั้นตอนคัดแยกให้ลำบากเหมือนขายให้บริษัทส่งออก

มะม่วงของสวนลุงโมทย์มีหลักๆ อยู่ 2 ชนิดคือ น้ำดอกไม้กับมะม่วงไขตึก แต่บางคนก็เรียกว่า ขายตึก เพราะจำแม่นดี

มะม่วงไขตึกกินดิบอร่อยกว่าสุก เพราะเนื้อแน่นหวานกรอบ แล้วเนื้อยังมีผิวสีเหลืองอร่ามอย่างกับจีวรพระอีกด้วย

ไขตึกจึงเป็นมะม่วงอีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้ จนเป็นที่รู้กันว่า มะม่วงน้ำดอกไม้ต้องกินสุก ส่วนมะม่วงไขตึกต้องกินดิบ เนื่องจากที่ดินของอำเภอคลองเขื่อนปลูกมะม่วงได้ผล จึงทำให้มีราคาสูง ซื้อขายกันในปัจจุบันถึงไร่ละ 700,000 บาททีเดียว

ถ้าผู้ใดต้องการปลูกมะม่วงเป็นอาชีพ หากมาซื้อที่ดินถึงไร่ละ 700,000 ไม่น่าจะคุ้ม แต่สำหรับลุงโมทย์ได้ซื้อที่ดินเพื่อปลูกมะม่วงมาเกือบ 30 ปีแล้ว คือตั้งแต่มีอายุ 20 กว่าๆ ซึ่งตอนนั้นราคาไร่ละไม่กี่หมื่นบาท
ปัจจุบันลุงโมทย์มีที่ดินทำสวนมะม่วง 28 ไร่

เดิมทีไม่ได้ตั้งใจปลูกมะม่วง ส่วนใหญ่ปลูกหมากเป็นหลัก

ที่เปลี่ยนมาปลูกมะม่วงก็เพราะเห็นคนอื่นๆ ปลูกแล้วได้ผล อีกทั้งใช้เวลาไม่นานคือเพียง 3 ปีกว่าๆ ต้นมะม่วงก็ออกลูกให้เก็บขายได้แล้ว

มะม่วงทุกต้นของลุงโมทย์ใช้วิธีทาบกิ่ง โดยมีต้นหลักคือมะม่วงกะล่อน

ปกติมะม่วงแต่ละต้นจะได้ผลผลิตประมาณต้นละ 30 กิโลกรัม ต้นขนาดใหญ่จะออกลูกให้ถึง 60 กิโลกรัมก็มี

ผมลองคำนวณคร่าวๆ หากต้นหนึ่งๆ ให้ลูกไม่ต้องมากแค่ 30 กิโลกรัม ราคาขายที่สวนกิโลกรัมละ 40 บาท ต้นหนึ่งๆ ก็จะทำเงินให้เจ้าของถึง 1,200 บาท ถ้า 1 ไร่ ปลูกมะม่วงได้ 40 ต้น 28 ไร่ก็จะได้พันกว่าต้น ก็เท่ากับลุงโมทย์จะขายมะม่วงได้ถึงปีละไม่ต่ำกว่าล้านบาท

มีที่ดินเพียง 28 ไร่ แต่สามารถทำเงินได้ปีละเป็นล้าน หักค่าใช้จ่ายนี่ นั่น โน่นก็ยังได้เงินหลายแสนบาท สามารถมีชีวิตอยู่ได้สบาย โดยเฉพาะลุงโมทย์ซึ่งมีลูกชายและลูกสาวที่ทุกคนมีงานทำแล้วด้วย

การคำนวณคร่าวๆ ข้างต้นหมายถึงมะม่วงออกเพียงรุ่นเดียว คือในหน้าร้อน แต่ปัจจุบันสามารถทำให้มะม่วงออกลูกได้ปีละ 2 ครั้ง ประมาณเดือนกันยายนมะม่วงก็จะออกมาอีกรุ่น

สุดท้ายลุงโมทย์บอกกับผมว่า ปลูกมะม่วงง่ายกว่าปลูกทุเรียน ดูแลก็ง่ายกว่า ที่สำคัญ ผลิตมะม่วงได้เท่าไรก็ขายหมด เพราะไม่เพียงแต่คนไทยกินเท่านั้น คนต่างชาติก็ชอบกิน โดยเฉพาะคนจีนและญี่ปุ่น

ปัจจุบันคนต่างชาติไม่ได้กินแต่มะม่วงเป็นอย่างเดียว ยังชอบกินข้าวเหนียวมะม่วงด้วย ห้องอาหารของโรงแรมใหญ่ๆ เกือบทุกแห่งจะต้องมีข้าวเหนียวมะม่วงไว้ขายคนมาพัก

ลุงโมทย์ยอมรับว่า มะม่วงที่นำมากินกับข้าวเหนียวได้อร่อยที่สุดคือมะม่วงอกร่อง แต่ในระยะหลังๆ มานี้คนหันมากินมะม่วงน้ำดอกไม้กันมากกว่า เป็นเพราะหาซื้อมะม่วงอกร่องไม่ได้

ที่มะม่วงอกร่องมีน้อยก็เพราะชาวสวนหันไปปลูกน้ำดอกไม้กันหมด เพราะเป็นมะม่วงที่มีเปลือกหนาและผิวสวย สามารถส่งขายต่างประเทศได้

มะม่วงน้ำดอกไม้จากเมืองไทยนับวันยิ่งขายดีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น

ในอดีตผมเคยเป็นห่วงว่าแอปเปิ้ลจากนอกที่เข้ามาขายเมืองไทยจะได้เงินไปจากเรา แต่มาถึงวันนี้ ผมไม่ห่วง เพราะไทยสามารถส่งมะม่วงไปขายเมืองนอกได้เงินมากกว่า

ผู้ใดสนใจอยากจะมีอาชีพทำสวนมะม่วง โทรศัพท์ปรึกษากับลุงโมทย์ได้ที่ (086) 145-4691