“ตอนลำบากเงินกินข้าวยังไม่มี” จากชีวิตติดลบ ไฟไหม้ฟาร์มหมูจนหมดตัว สู่เจ้าของร้านผลไม้ พลิกชีวิตสร้างเงินแสนเข้ากระเป๋าต่อเดือน

เพราะไฟไหม้ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและฟาร์มหมูที่เป็นธุรกิจของครอบครัวจนหมดตัว ทำให้ต้องเริ่มมองหาลู่ทางทำกินใหม่ โดยหยิบยืมเงินทุนจากญาติมาตั้งต้นชีวิต และได้เริ่มขายผลไม้ คัดเน้นๆ 4 ผลไม้ไทย มะม่วง มังคุด เงาะ ลองกอง จนสามารถโกยเงินแสนเข้ากระเป๋าต่อเดือน

“ล้มแล้วลุก ทุกข์ไม่ท้อ ถึงจะติดลบแต่ชีวิตก็ต้องไปต่อ เราเกิดมาทันเห็นครอบครัวผ่านทั้งช่วงสุขสบายและช่วงลำบาก ตอนลำบากขนาดเงินกินข้าวต้องขอยืมและนอนในเล้าหมูมาแล้ว บอกกับตัวเองเลยว่าจะไม่ยอมกลับไปลำบากแบบนั้นอีก ที่มีวันนี้เพราะมีแม่เป็นแบบอย่าง ความโชคดีของเราคือ ครอบครัวเราดี สู้ไปด้วยกัน ลำบากก็ไม่บ่น สามัคคีกันทำงาน ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1” คุณจันนิภา แก่นแก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของร้านผลไม้ “อ้วน-ลอย” เริ่มต้นบทสนทนา

จุดพลิกชีวิตจากทำฟาร์มหมูหันมาขายผลไม้

ธุรกิจแรกของที่บ้านคุณจ๋าคือทำฟาร์มหมูประมาณ 200 ตัว และขายส่งผักต่างๆ ให้หลายตลาดในจังหวัดนครราชสีมา กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต จากเหตุไฟไหม้ทั้งฟาร์มหมูและบ้านที่อยู่ ทำให้เธอและครอบครัวหมดตัวจนต้องไปนอนในเล้าหมู

“เรียกว่าหมดตัวเลย หมดจริงๆ ทั้งครอบครัวต้องไปนอนในเล้าหมู ไม่มีเงินเลยสักบาท ต้องไปขอหยิบยืมจากญาติๆ เพื่อเริ่มต้นใหม่ มีคนแนะนำให้มาหางานที่ตลาดสี่มุมเมือง จนได้ลู่ทางว่าขายผลไม้น่าจะไปได้ ก็เลยเข้าไปติดต่อสวนรับผลไม้มาขาย จะเน้นอยู่ไม่กี่จังหวัด เพราะวิ่งเอง คัดผลไม้เอง มีจังหวัดพิษณุโลก จันทบุรี อุตรดิตถ์ และสุราษฎร์ธานี ซึ่งเราตั้งเป้าหาผลไม้อยู่ 4 อย่าง คือ มังคุด ลองกอง เงาะ และมะม่วง วนไปตามฤดูของผลไม้ จนเริ่มมีเงินก้อนก็ขยายกิจการใหญ่ขึ้นจนมีหน้าร้าน” 

หลังจากที่ได้ลู่ทางเพื่อหาของมาขายสะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 40 ปีแล้วที่หันมาขายผลไม้แทนการทำฟาร์มหมู

“จากตอนแรกรับมาขาย พอเริ่มมีเงินทุนก็มีความคิดว่าเราน่าจะไปหุ้นกับเกษตรกร เพราะมีหลายสวนที่ซื้อขายกันมานาน นิสัยใจคอพอจะทำธุรกิจร่วมกันได้ จะเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ และต้องผลิตผลไม้ได้คุณภาพตามที่คุยกัน

วิธีการคือเราออกเงินทุน บอกสเปกผลผลิต จากนั้นเกษตรกรลงแรง หาวิธีผลิตผลไม้ให้ได้ตามคุณภาพตามที่ตั้งไว้ เรามีสวนผลไม้ครบทั้ง 4 อย่างตามที่เราขาย ทั้ง มังคุด ลองกอง เงาะ และมะม่วง ซึ่งปัจจุบันปลูกไม่พอขาย และเราก็ยังเสาะหาสวนใหม่ๆ เพิ่มเรื่อยๆ เพราะฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกปี”

เจ้าของร้านเล่าต่อว่า ต้องดูว่าตลาดตอนนี้ต้องการผลผลิตแบบไหนแล้วปลูกให้ได้คุณภาพแบบนั้น อย่างมะม่วงจะกำชับกับเกษตรกรว่าให้ห่อผลเพื่อให้ผิวสวย และเมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิต ต้องรอให้ได้เปอร์เซ็นต์ความสุกของผลก่อนค่อยตัดเพื่อให้รสชาติดีที่สุด

“เวลาขายก็ต้องซื่อสัตย์ไม่ยัดไส้ อย่างถ้าเป็นเบอร์สวย เบอร์พรีเมียม 1 ลังต้องไม่ใช่แค่ข้างบนสวย ต้องสวยทั้งลัง มันจะเกิดความเชื่อใจ คนซื้อเขาก็ไม่อยากเปลี่ยนสวนบ่อยๆ เกษตรกรเองก็อยากขายผลผลิตให้ได้หมดทั้งล็อตการผลิต มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทำได้คือ ขายตามจริง ไม่โก่งราคา ไม่ยัดไส้ ซื่อสัตย์ และคำไหนคำนั้น”

และว่า 

“สำหรับร้านอ้วน-ลอย เรามีของคุณภาพขายได้ตลอด เราซื้อใจเกษตรกร ไม่เคยกดราคา ถามเกษตรกรที่ซื้อขายกันได้เลย ร้านเราจะให้ราคาดีกว่าที่อื่นเสมอ ถ้าของเหมือนกัน อย่างที่อื่นเขารับซื้อกิโลกรัมละ 25 บาท เรายอมซื้อที่ 26-27 บาทเลยถ้าของดีจริง

แล้วก็ซื้อขายกันยาวๆ ไม่ต้องกลัวว่าถ้ามีเบอร์รอง เราก็รับเหมือนกัน ถือว่าช่วยกัน สำหรับเกษตรกรชาวสวนที่ต้องการขายผลไม้ ลองแอดไลน์ส่งภาพผลไม้มาให้ทางร้านดูก่อนได้ ถ้าคุยแล้วตกลงกัน ทางร้านจะเข้าไปรับซื้อถึงที่” คุณจ๋า เจ้าของร้าน เล่าให้ฟัง

บริการประทับใจทุกระดับ 

ด้วยเหตุผลทั้งหมด จึงเป็นที่มาว่าทำไมร้านอ้วน-ลอย ถึงมีลูกสวนที่ผลิตผลไม้คุณภาพให้ทั้งปี และมีลูกค้าประจำที่ซื้อขายกันมายาวนาน ช่วยกันบอกปากต่อปาก รวมทั้งห้างชั้นนำของประเทศ ตลาดชื่อดัง โรงแรม 5 ดาว ยังต้องเข้าคิวซื้อของร้านอ้วน-ลอย

“สำหรับคนที่มาซื้อกับทางร้าน ไม่ต้องห่วงลูกค้าใหม่ลูกค้าเก่า บริการเหมือนกันทุกระดับประทับใจ อย่างลูกค้าเก่าแค่โทรสั่งไม่ต้องมาดูของเอง เพราะเขาไว้ใจเรา รู้ว่าร้านจะคัดของตรงตามสเปกที่ซื้อ และถ้ามีหลุด QC ไป ทางร้านยินดีรับเคลมคุยกันได้ รับโทรศัพท์เองตลอด

ร้านเรามีขายทุกเกรด ตั้งแต่พรีเมียมมีรางวัลการันตี ไปจนถึงคละเกรด สวนที่เราคัดผลไม้เกือบ 100% มี GAP สามารถส่งออกได้ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และบางสวนยังชนะการประกวดระดับตำบล ระดับจังหวัดก็มี แค่แจ้งมาว่าอยากได้แบบไหน ทางร้านหาผลไม้ให้ได้ตามต้องการ” เจ้าของร้านอ้วน-ลอย เล่าถึงการบริการที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ

ในส่วนของรายได้ เจ้าของร้านบอกว่า “ช่วงพีกขายได้วันละ 40 ตัน ต้องสั่งผลไม้ขนใส่รถ 6 ล้อเข้าวันละ 8 คันทุกวัน ถ้าตีเป็นจำนวนเงินแบบยังไม่หักค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000-700,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายของทางร้านก็มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าผลไม้ ค่าขนส่ง ค่าแรงงานอีก 30 คน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ”

แนะนำพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ อยากขายผลไม้ 

สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ที่อยากคัดผลไม้ไปขาย คุณจ๋าได้แนะนำวิธีการเลือกผลไม้ทั้ง 4 ชนิดว่า การเลือก มังคุด ให้เลือกที่ขั้วสีเขียวเท่านั้น รับรองได้มังคุดหวานอร่อย ส่วน เงาะ ตอนนี้ในตลาดส่วนใหญ่จะมี 2 พันธุ์คือ เงาะโรงเรียน และเงาะสีทอง ถ้าต้องการอร่อย แนะนำเป็นเงาะโรงเรียน เวลาเลือกให้เลือกที่มี 3 สีในลูกเดียวคือ เขียว เหลือง แดง เงาะโรงเรียนจะลูกเล็กกว่าหน่อย แต่กรอบ หวาน อร่อยกว่า

มะม่วง ต้องดูสีเข้มๆ อยากได้หวานจัดให้เลือกลูกป้อมๆ อ้วนๆ ส่วนผิวสีเหลืองอ่อนจะยังไม่หวานยังสุกไม่จัด แต่ถ้าซื้อกับทางร้าน ไม่ต้องกังวล แจ้งได้เลยว่าต้องการแบบที่กินได้วันไหน สวนของร้านตัดผลผลิตในวันที่พอดี ไม่มากไม่น้อยไป และบ่มธรรมชาติ รับประกันคุณภาพ

และ ลองกอง ต้องชิมอย่างเดียว ถ้าต้องการรสชาติอร่อย ต้องเลือกลูกใหญ่ ต่อให้ไม่ได้มาเป็นพวง เลือกลูกใหญ่ๆ ไว้ก่อน หวานอร่อยแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนในอนาคตของร้านผลไม้อ้วน-ลอย คุณจ๋า บอกว่า ด้วยตอนนี้กำลังคนยังไม่มากพอ แต่ก็ตั้งเป้าหมายว่าจะเข้าร่วมสี่มุมเมืองออนไลน์ (www.simummuangonline.com) เพื่อให้ลูกค้าได้สั่งของได้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาโทรศัพท์มาสั่ง สะดวกตอนไหนก็สั่งได้ตามที่ลูกค้าต้องการ

ก่อนทิ้งท้ายถึงคติประจำใจในการทำธุรกิจ

“เราสู้เพื่อครอบครัว สำหรับการทำงาน เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทำงานให้เยอะที่สุดทุกวัน อย่างตัวเองออกจากโรงเรียนมาขายของตั้งแต่อายุ 14 ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว ในอดีตที่ลำบาก เห็นพ่อ แม่ พี่น้อง ร่วมทุกข์ร่วมสุข อดมื้อกินมื้อมาด้วยกัน วันที่เรามี เราก็ต้องทำให้ครอบครัวมีความสุขที่สุด”

พิกัด ร้านอ้วน-ลอย ตลาดสี่มุมเมือง โซนตลาดผลไม้รวม ช่องทางการติดต่อ Facebook : Jannipa Kankaew  เบอร์ติดต่อ : 081-644-2065  Line : 0814094374