ผู้เขียน | กนกพร หมีทอง |
---|---|
เผยแพร่ |
หากเอ่ยถึง ไตรกีฬา เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักและมีโอกาสติดตามชมการแข่งขันกันอยู่บ้าง กีฬาประเภทนี้เริ่มเป็นที่สนใจของคนไทยมากขึ้นเมื่อ 3-4 ปีก่อนโดยประมาณ มีคนไทยร่วมแข่งขันแตะหลักพันคนในปี 2018 และมีการแข่งขันเฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง หรือ ปีละ 20 ครั้งนั่นเอง
สำหรับการเล่นไตรกีฬานั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องพบบททดสอบของร่างกายอันหนักหน่วง แข่งกีฬาแบบต่อเนื่องถึง 3 ชนิด คือ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง โดยมีระยะการแข่งขันหลักๆ 4 ระยะ ซึ่งในประเทศไทยนั้นจะได้รับความนิยมอยู่ 3 ระยะ คือ Sprint, Olympic (Standard) และ Half Distance
ด้วยความท้าทายนี้เอง ทำให้นักบินหนุ่มการบินไทย คุณโบ๊ต-ศศิทัต กุลทรัพย์ตระกูล วัย 40 ปี หลงใหลเข้าอย่างจัง จนถึงขั้นเปิดธุรกิจขายอุปกรณ์ไตรกีฬาแบบครบวงจรชื่อร้านไตรฮับ “TriHub” ภายใต้ บริษัท บี แอนด์ บี เอาท์ดอร์ สปอร์ต จำกัด
คุณโบ๊ตเริ่มเล่นไตรกีฬาเมื่อปี 2011 แต่ช่วงนั้นไตรกีฬายังไม่ได้รับความนิยม การหาอุปกรณ์จึงเป็นเรื่องยาก ด้วยอาชีพนักบินกว่า14 ปี เวลาบินไปต่างประเทศ ทำให้คุณโบ๊ตเห็นโมเดลร้านขายอุปกรณ์ไตรกีฬาหลายร้าน
“อย่างเวลาบินไปเมืองนอก จะมีร้านขายอุปกรณ์ไตรกีฬาค่อนข้างเยอะ ถ้ามีแบบนี้ที่ประเทศไทยบ้างคงดี ซึ่งความคิดนี้สอดคล้องกับความคิดของภรรยาพอดี เธออยากขายพวกอุปกรณ์กีฬาอยู่แล้ว เราเลยช่วยกันทำ เริ่มต้นเมื่อปี 2014”
ใช้บ้านเป็นออฟฟิศหลัก สต๊อกสินค้า เปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ นำเข้าผลิตภัณฑ์ตัวแรกเป็นกระเป๋าสำหรับนักไตรกีฬา kitbrix แบรนด์ดังจากอังกฤษ ซึ่งคุณโบ๊ตเป็นผู้จัดจำหน่ายรายแรกของเอเชีย จากนั้นก็หาคู่ค้าใหม่ๆ มาเป็นตัวแทนจำหน่าย ส่วนใหญ่อยู่ในแถบเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
ธุรกิจโตขึ้นแบบเท่าตัว มีแบรนด์เข้ามาขายอีกจำนวนมาก อาทิ Zoot, Aqua Sphere, Newton เป็นต้น จนสต๊อกเริ่มมากขึ้น
คุณโบ๊ต บอกว่า เพราะลูกค้าไม่เห็นภาพ ไม่ได้สัมผัสถึงสินค้าที่นำมาขาย จึงตัดสินใจเปิดช็อปเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ชื่อร้าน ไตรฮับ เมื่อเดือนสิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา มีสินค้ามากกว่า 2,000 sku มีเมมเบอร์การ์ดประมาณ 1,000 คน
“อุปกรณ์ไตรกีฬามีราคาค่อนข้างสูง การขายออนไลน์อย่างเดียวไม่ตอบโจทย์ ลูกค้าไม่กล้าตัดสินใจซื้อ เลยต้องเปิดหน้าร้านให้ลูกค้ามาลอง มาสัมผัส ให้เกิดการตัดสินใจซื้อมากขึ้น ยอดขายก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
แม้จะชื่อร้านไตรฮับที่บ่งบอกว่าขายเฉพาะอุปกรณ์ไตรกีฬาอย่างเดียว คุณโบ๊ต บอกว่า อุปกรณ์ของทางร้านลูกค้าสามารถซื้อไปเล่นกีฬาอย่างอื่นได้ เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน รองเท้าวิ่ง
“ไตรฮับค่อนข้างครบเครื่องในเรื่องอุปกรณ์ไตรกีฬา ถ้าไปตามห้างคุณอาจได้ไม่ครบ ไม่มียี่ห้อที่ต้องการ หรือไม่มีพนักงานแนะนำก็ได้”
คุณโบ๊ต เผยว่า ที่ไตรฮับจะดูแลให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนครอบครัว เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านจะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำในการเลือกสินค้าทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษถึง 6 คน โดยทั้งหมดมีดีกรีเป็นนักกีฬา ถูกฝึกและ เทรนเพิ่มเป็นอย่างดี
ส่วนโอกาสเติบโตของธุรกิจนั้นมีแน่นอน ด้วยประชากรของไทยที่มีมากถึง 70 ล้านคน บวกกับเทรนด์ที่มาแรงต่อเนื่องแล้ว เชื่อว่าคงมีคนหันมาเล่นไตรกีฬาไม่มากก็น้อย
“กลุ่มคนเล่นไตรกีฬาตอนนี้ยังมีน้อยก็จริง แต่กีฬาชนิดนี้ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเล่นจะไม่เลิกเล่นกันง่ายๆ ไม่ปั่นก็วิ่ง ไม่วิ่งก็ว่ายน้ำ จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำเป็นไลฟ์สไตล์ในชีวิตไปเลย”
ถึงแม้หน้าร้านจะไปได้ดี แต่คุณโบ๊ต บอกว่า ร้านต้องกลับมาโฟกัสที่ออนไลน์เหมือนเดิม เพราะสุดท้ายแล้วคนก็กลับมาซื้อของออนไลน์
ถามส่งท้ายถึงความท้าทาย คุณโบ๊ต ว่า ต้องชัดเจนว่าเราคือใคร ต้องชำนาญในสิ่งที่ทำ สร้างความน่าเชื่อถือ และร้านต้องมีสตอรี่ให้ลูกค้าเห็น ถ้าไม่โฟกัสให้ชัดเจน ร้านไตรฮับจะกลืนไปกับร้านขายอุปกรณ์กีฬาทั่วไป
“พอเป็นธุรกิจของตัวเองคือไม่มีวันหยุด ต้องคิดวางแผนตลอดเวลาไม่มีวันจบ ต้องแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ได้ ไม่เหมือนงานนักบินเมื่อถึงที่หมาย ลงจากเครื่องค่อยว่ากันใหม่ไฟลท์หน้า”
สนใจแวะไปได้ที่ร้านไตรฮับ ตั้งอยู่ที่ 410 ซอยพัฒนาการ 53 ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร