เปิดประสบการณ์เครื่องสำอางร้อยล้าน “สมูทโตะ” ขายดีแต่อยากร้องไห้

“สมูทโตะ” (SMOOTO) ผลิตภัณฑ์ความงามสไตล์เกาหลี ธุรกิจนี้เริ่มต้นจากเงินลงทุนประมาณหลักล้านบาท แต่สามารถคืนทุนได้ในเวลาเพียงปีครึ่ง ปัจจุบันขายดิบขายดี  มีช่องทางจำหน่ายหลากหลาย ทั้ง แคตตาล็อกออนไลน์ เว็บไซต์  แอพพลิเคชั่น เคเบิ้ลทีวี รวมทั้งวางบนเชลฟ์ของร้านสะดวกซื้อนับพันสาขา ทำให้กลายเป็นสินค้ายอดขายแตะหลักร้อยล้านบาทได้ในเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น

คุณปุ๊ก – ภญ.อัญชลี ชุติไพจิตร ตัวแทนเจ้าของผลิตภัณฑ์ “สมูทโตะ” ดังแนะนำมาข้างต้น  เกริ่นให้ฟัง ธุรกิจนี้ เกิดจากการรวมตัวกันของเพื่อนร่วมสถาบัน เป็นเภสัชกรทั้ง 3 คน รวมกันก่อตั้ง บริษัท โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย) จำกัด  เพราะอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

“พวกเราเป็นเภสัชกร ทำงานในสายวิจัยและพัฒนาเครื่องสำอางมาตลอด ความสุขในการทำงาน คือ เห็นสินค้าที่เราคิดสูตรทำออกมา แล้วมีคนชอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสินค้าบนเชลฟ์นั้นเลย แม้จะมีคนใช้  คนชอบ หรือขายดี แค่ไหนก็ตาม” คุณปุ๊ก เผยเริ่มต้น

เมื่อรู้สึกว่าสินค้าที่คิดค้นสูตรออกมาคือ “ลูก”  เภสัชกรผู้ร่วมก่อตั้ง จึงชวนกัน “ทุบหม้อข้าว” ก้าวขาออกจากงานประจำในตำแหน่งนักวิจัย ออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง

“มาจากสายวิชาการ พอคิดจะออกมาทำธุรกิจ เลยมีความฝันเต็มเปี่ยมเลยว่า การจะประสบความสำเร็จคือ ต้องทำสินค้าให้ดีที่สุด พอเปิดบริษัท เปิดโรงงาน เลยทำสินค้าออกมา 300 ตัว ถ้าเป็นคนอื่นอาจใช้เวลาหลายปี แต่เราใช้ความทุ่มเทอย่างหนัก เพราะเข้าใจว่า ของดีๆ เยอะขนาดนี้ ถ้าใครมาลองใช้ ต้องโดนใจสักตัวสองตัว มั่นใจเต็มที่เลยว่า จุดแข็งที่ทุกๆ คนมี ฉันก็มี จากนั้นไม่นานปรากฏว่าสินค้าที่ผลิตออกมา 300 ตัว สร้างยอดขายได้หนึ่งล้านบาท” คุณปุ๊ก เล่า ก่อนหัวเราะเขินๆ

แม้จะผลิตไลน์สินค้ามานับร้อย แต่ยอดขายกลับน้อยจนน่าตกใจ บรรดาหุ้นส่วน “สมูทโตะ” จึงกลับมาทบทวนหาความผิดพลาดว่าเกิดขึ้นตรงไหน จากเดิมที่มั่นใจ “ผลิตภัณฑ์ดีที่สุด คือหัวใจของการทำธุรกิจ” อาจไม่ใช่เสมอไป จึงลองคิดใหม่ ทำในสิ่งที่มั่นใจ แตกต่าง และไม่ซ้ำใคร

“ช่วงนั้นในตลาด มีเครื่องสำอางใส่ซองสี่เหลี่ยม ไซซ์เล็ก ราคาถูก เจาะกลุ่มกำลังซื้อน้อย วางขายตามร้านสะดวกซื้อ ขณะที่สมูทโตะ เป็นเครื่องสำอางสกัดจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ เราเลย ทำซองเป็นลักษณะของสารสกัดเลย เช่น มะเขือเทศ  เลยไดคัตซองให้เป็นรูปลูกมะเขือเทศเลย เพราะเรามีทุนไม่มากนัก สิ่งที่นำมาเป็นจุดขายได้ดีที่สุด คือ บรรจุภัณฑ์ นั่นคือจุดเริ่มต้นทำให้ลูกค้าหันมามอง” คุณปุ๊ก เผยจุดเปลี่ยนสำคัญ

ก่อนเล่าให้ฟังต่อ กว่าจะมีวันนี้ ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย  เพราะ สมูทโตะ เป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอาง คู่แข่งเยอะ ใครก็สามารถก้าวเข้ามาตลาดนี้ได้ไม่ยาก แต่เข้าง่าย-ออกง่ายเหมือนกัน ที่ผ่านมาพยายามทำสินค้าให้เหมาะกับทุกคนบนโลก แต่ที่สุดแล้วรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ จึงเปลี่ยนความคิดในมุมใหม่ มาเป็น “สินค้าของเรา…จะขายใคร”

“เราเป็นเครื่องสำอางประเภทซอง ราคา 39 บาท ขายในร้านสะดวกซื้อ กลุ่มเป้าหมาย คือ วัยรุ่น ถึงวัยเริ่มต้นทำงาน  พอภาพนี้ชัดจึงรู้ว่าไม่สามารถขายของนี้ให้ทุกคนบนโลกได้  จึงหันมามุ่งทำของออกมาตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย สินค้าจึงโดนใจเขาทันที เมื่อราคาใช่ ช่องทางการจำหน่ายก็จะชัดเจนไม่ยาก ขึ้นมาทันที” คุณปุ๊ก บอกและว่า  เหล่านี้ฟังดูเหมือนง่าย แต่การทำสินค้าให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายได้ แล้วทุกอย่างจะชัด เราจะรู้ว่าสินค้านั้นทำเพื่อใคร แล้วค่อยพัฒนาสิ่งนั้นให้ดีและแตกต่างมากที่สุด

แม้จะขายดิบขายดี แต่ไม่วายมีปัญหาพาปวดหัว โดยคุณปุ๊ก เผยประสบการณ์ดังกล่าวให้ฟังว่า  การได้นำสินค้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้อนั้น หลายคนอาจมองว่า คือ ชัยชนะของการทำธุรกิจ  เพราะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สิ่งที่ยากมากกว่านั้นคือ การวางขายต่อเนื่องไปได้

“เมื่อสินค้าขายดีเราควรดีใจ  แต่พอเอาเข้าจริงอยากเอาขาก่ายหน้าผาก น้ำตาจะไหล เพราะของไม่มีส่ง เหตุเพราะช่องทางจำหน่ายมีประสิทธิภาพมาก เราในฐานะซัพพลายเออร์ ในฐานะผู้ผลิต โตตามไม่ทัน  ไม่สามารถขยายกำลังการผลิตได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว จากวันหนึ่งเคยมีกำลังการผลิตหนึ่งแสนชิ้นต่อเดือน  ทุกวันนี้ ต้องผลิตให้ได้สองล้านห้าแสนชิ้นต่อเดือน เราจึงต้องจัดการองค์กรภายใน เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน มาเป็นทุกๆ ยอดที่ขายได้ พนักงานทุกคนต้องได้รับส่วนแบ่ง  ตั้งแต่แม่บ้าน-เซลส์ แผนกบรรจุ ต้องได้เงินมากตามของที่ขายได้ เหล่านี้คือการบริหารจัดการที่ผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง” คุณปุ๊ก บอกจริงจัง

และฝากทิ้งท้ายไว้

“การทำธุรกิจไม่มีใครไม่เคยล้มเหลวและปัญหาไม่มีวันหมด  อยู่ที่ว่าเราจะหยุดแล้วทำต่อ หรือหยุดแล้วหยุดเลย การทำวันนี้ให้ดี คือ คำตอบในอนาคต ต้องถามตัวเองว่า ความสำเร็จหอมหวานมากพอที่จะพยายามต่อไปหรือเปล่า แต่ถ้าเหนื่อยให้นอนแล้วค่อยตื่นมาสู้ใหม่”