เคยล้มละลายเริ่มต้นใหม่ได้ ด้วย “ไข่วิจิตร” ปัจจุบันสร้างชื่อเสียงข้ามชาติ

จากตำนานความเชื่อโบราณของเกือบทุกศาสนา มีความเชื่อว่า สัตว์มีปีกคือ สัญลักษณ์นำความเป็นสิริมงคลมาให้และเป็นสื่อกลางเชื่อม ระหว่างโลกมนุษย์และสวรรค์

ดังนั้น ในพิธีกรรมทางศาสนามักนิยมนำไข่ของสัตว์ปีกมาเป็นเครื่องสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะเชื่อว่า “ไข่” แทนความหมายการก่อเกิด, การกำเนิด, การเริ่มต้นชีวิตใหม่

เปลือกไข่วิจิตร คือ ผลงานโอท็อป ระดับ 5 ดาว ของอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ไข่ฟาแบร์เช งานหัตถศิลป์ลงยาประดับอัญมณี  รังสรรค์โดยช่างจิวเวลรี่ เชื้อชาติฝรั่งเศส สัญชาติรัสเซีย นาม ปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เช (Peter Karl Feberge) เมื่อเกือบสองร้อยปีก่อน ปัจจุบัน ไข่ฟาแบร์เช่ กลายเป็นวัตถุโบราณล้ำค่า ล่าสุดมีการประมูลกันถึงใบละ 300 ล้านบาท

คุณภูษิต กาญจนศิริปาน เจ้าของผลงาน เปลือกไข่วิจิตร วัย 47 ปี  เล่าความเป็นมาให้ฟัง ย้อนหลังไปราวปี 2540 เมื่อครั้ง “ฟองสบู่แตก” คุณณภัสภรณ์ –ภรรยา ประสบกับปัญหาทางธุรกิจถึงขั้นล้มละลาย ต้องหันหน้าเข้าหาวัด ระหว่างนั้นเธอใช้เวลาว่างส่วนใหญ่หมดไปกับการตอกไข่ดิบให้เป็นรูเล็กๆ เพื่อให้ไข่แดงไข่ขาวไหลออกมาแทนจะตอกให้แตกเป็นสองส่วน  แต่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อย

กระทั่งวันหนึ่ง เห็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ มีการเปิดประมูล “ไข่ฟาแบร์เช” มูลค่าหลายร้อยล้านบาท เธอเลยเกิดความสงสัย ไข่อะไรถึงมีค่ามหาศาลขนาดนั้น

เมื่อทราบถึงที่มาและคุณค่าความงดงามของไข่ฟาแบร์เช แล้ว ภรรยาของเขาจึงเกิดความคิดอยากประดิษฐ์งานศิลป์แบบนั้นดูบ้าง

ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย การเริ่มต้นจากคนไม่รู้อะไรเลย จึงเป็นเรื่องยาก แต่เธอไม่ละความพยายาม ลองผิดลองถูก อยู่หลายเดือน จนได้ผลงานออกมา 1 ชิ้น

เป็นเปลือกไข่ห่าน ประดิดประดอยประดับลวดลาย ด้วยของเหลือใช้ภายในบ้านตามแต่จะหาได้ นำมาดัดแปลงให้สวยงามด้วยความคิดสร้างสรรค์ของเธอล้วนๆ

กระทั่งเพื่อนบ้านชาวต่างชาติมาเห็น ก่อนเอ่ยปากขอซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก แต่ไม่รู้จะตั้งราคาเท่าไหร่ สุดท้ายตกลงกัน 1,000 บาท ซึ่งนับเป็นเงินก้อนโต ที่จุดประกายให้เดินหน้าทำต่ออย่างจริงจัง

เพราะหลังจากนั้นไม่นาน  ลูกค้าต่างชาติรายเดิมกลับมาขอซื้ออีก 10 ใบ โดยให้เหตุผล คนที่บ้านเขาชื่นชอบมาก  เพราะไข่แต่ละใบมีความสวยงามไม่ซ้ำแบบกัน นอกจากนั้นยังคิดนำเปลือกไข่มาต่อยอดเป็นกระเป๋า และเป็นเครื่องประดับ ที่ใช้งานได้จริง ทำให้คำสั่งซื้อจากลูกค้ารายอื่นทยอยเข้ามาเรื่อยๆ

ลูกค้ารายแรกซึ่งเป็นชาวต่างชาติ จึงเข้ามาเจรจาขอซื้อกิจการ  ด้วยเงื่อนไขลงทุนให้ทั้งหมด เขาและภรรยา ทำหน้าที่ผลิตแต่เพียงอย่างเดียว ฟังดูเหมือนจะดี แต่เห็นทีกิจการที่สร้างขึ้นมากับมือ คงจะถูกนายทุนต่างชาติมาขอฮุบ จึงปฏิเสธไปแบบไม่ลังเล  แม้เรื่องเงินทุนยังเป็นปัญหาน่าหนักใจอยู่ก็ตาม

แต่ด้วยความไม่ย่อท้อ คุณณภัสภรณ์ ซึ่งเวลานั้น มีความเชี่ยวชาญพอตัวแล้ว จึงสมัครเป็นวิทยากรถ่ายทอดวิชาการทำไข่วิจิตร ให้กับทางรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง  หวังได้ค่าตอบแทนเป็นทุนสานต่อธุรกิจ

“ช่วงใหม่ๆ ทำไม่ทันกับออร์เดอร์ พอมีโอกาสได้ออกอีเว้นต์ปีแรก โดนลูกค้าบางรายไม่พอใจ หาว่าไม่อยากขายให้คนไทย  ความจริงมันไม่ใช่ ตอนนั้นผมทำอยู่คนเดียว เดือนหนึ่งทำได้แค่ 4 ชิ้น ซึ่งมีคนจองหมดแล้ว” คุณภูษิต แจง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน เปลือกไข่วิจิตร สมุทปราการ  มีทีมงาน อยู่ราว 10-20 คน กำลังการผลิตจึงมีมากขึ้น แบ่งออกเป็น งานรับออร์เดอร์ ราคาชิ้นละ  200-1,500 บาท ผลิตได้เดือนละ 1,000-3,000 ชื้น งานสั่งทำพิเศษ หรืองานสีลงยา ราคาชิ้นละ 4,000-15,000 บาท ผลิตได้เดือนละ 100-300 ชิ้น และงานสำหรับประมูล ราคาชิ้นละ 15,000-150,000 บาท ผลิตได้เดือนละ 4-10 ชิ้น

ส่วนผลงานน่าภาคภูมิใจ ได้แก่  ปี 2543 ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมงานในสหรัฐอเมริกาและอิตาลี จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, ปี 2548 รับพระราชทานรางวัลที่ 2 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ในงานประกวดผลิตภัณฑ์รูปช้างจากวัสดุต่างๆ  จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม, ปี 2553 ได้รับคัดเลือกจากศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ ร่วมกับสถานทูตฝรั่งเศส เพื่อให้เข้าร่วมแสดงงานและสาธิต ที่ประเทศฝรั่งเศส

สำหรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ ผลงานล่าสุด ประกอบด้วย  ของแต่งตัว เช่น กระเป๋า  เข็มกลัด เข็มขัด พวงกุญแจ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู ที่คั่นหนังสือ และ ของแต่งบ้าน ได้แก่ จิวเวลรี่ บ็อกซ์ โคมไฟ นาฬิกา โมบาย ของที่ระลึก

ซึ่งเทคนิคที่นำมาใช้ในการตกแต่งเปลือกไข่นั้น มีหลากหลาย อย่าง การเพ้นต์สี ฉลุลาย ลงรักปิดทอง และ ลงยาสี (ENAMEL) แต่เทคนิคที่ได้รับความนิยมและมีการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง คือ เทคนิคลงยาสี

“เราเป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียว ที่นำเทคนิคการลงยาสีพิเศษ ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากภูมิปัญญามาใช้ในการผลิต โดยออกแบบเป็นกระเป๋าและเครื่องประดับที่แปลกใหม่ มีความแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้จริง โดยเฉพาะเครื่องประดับที่ผลิตจากเปลือกไข่นกกระทานั้น มีการเคลือบที่ทำให้เปลือกไข่แข็งแรงไม่แตก รูปทรงสวยงาม แตกต่างจากคู่แข่งทั่วโลก” คุณภูษิต บอกอย่างนั้น

ก่อนเผยว่า ไข่ วัตถุดิบหลัก ต้องเป็นไข่ลมหรือไข่ข้าวที่ไม่ฟักเท่านั้น และยังต้องเป็นไข่ที่มีความหมายเป็นมงคล คือ ไข่ห่าน แทนความหมาย ความสุข ความสงบ ไข่เป็ด แทนความหมาย ความอุดมสมบูรณ์  ไข่นกกระจอกเทศ แทนความหมาย ความดี ความซื่อตรง ไข่เต่านา ไข่ตะพาบน้ำ แทนความหมาย อายุยืน สุขภาพแข็งแรง และไข่นกกระทา แทนความหมาย ความโชคดี

สนใจผลงาน เปลือกไข่วิจิตร  สมุทรปราการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  คุณภูษิต กาญจนศิริปาน เลขที่ 94/64 หมู่ 3 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540