ไม่อายทำกิน ไม่หมิ่นเงินน้อย! ผัว-เมียตำรวจ ยศสารวัตร ตื่นตีสี่เข็นรถขายโจ๊ก หาเลี้ยงพ่อแม่

อึ้งและทึ่งไม่น้อย เมื่อทราบข่าวที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นถึงนายตำรวจระดับสารวัตรและรองสารวัตร ใช้เวลาส่วนตัวตั้งแต่เช้ามืด เข็นรถขายโจ๊ก-ข้าวต้ม-ก๋วยจั๊บ เพื่อหารายได้เสริม ก่อนจะปิดการขายไม่เกินแปดโมง เพื่อแยกย้ายกันไปแต่งเครื่องแบบ ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติทุกวันแบบไม่บกพร่อง

หลายวันก่อนมีโอกาสเดินทางไปทำงานที่จังหวัดอุบลฯ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” จึงนัดหมายขอเข้าไปพูดคุยกับทั้งสองท่านตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งได้การต้อนรับแบบเป็นกันเอง ก่อนหนึ่งในเจ้าของเรื่องจะสละเวลามาพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี

แม่ค้าใบหน้าสะสวย แนะนำตัวให้รู้จัก ชื่อว่า คุณหน่อย หรือ ร.ต.อ.(หญิง) นภัสรพี สุโภภาคชัยพงศ์  ปัจจุบันอายุ  41 ปี มีหน้าที่รับผิดชอบเป็น รองสารวัตรธุรการ สภ.พิบูลมังสาหาร ส่วนสามีของเธอ ชื่อ พ.ต.ท. พัฒนพงศ์ พันธ์ใหญ่  ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ สภ.โขงเจียม  ซึ่งที่ตั้งสภ.นั้นอยู่ห่างออกไปจากตัวอำเภอพิบูลมังสาหาร ประมาณ 30 กิโลเมตร

คุณหน่อย เล่าความเป็นมาส่วนตัวให้รู้จักกันเล็กน้อย พื้นเพเป็นคนอำเภอพิบูลมังสาหาร  เมื่อเรียนจบการศึกษาระดับ ปวช. จึงสมัครสอบเป็นตำรวจชั้นประทวนสายธุรการ ระหว่างนั้นก็ศึกษาต่อเพิ่มเติม เมื่อได้วุฒิปริญญาตรีจึงสอบเลื่อนขั้นเป็นชั้นสัญญาบัตร  โดยในปี 2549 ได้ย้ายจากกรุงเทพฯ มาประจำการที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดอุบลฯ จากนั้นจึงขอย้ายมาประจำที่สภ.พิบูลมังสาหาร เพื่อดูแลบุพการี จนถึงปัจจุบัน

ด้านชีวิตส่วนตัว สมรสกับ พ.ต.ท. พัฒนพงศ์  ตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบันมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน อายุสองขวบครึ่ง สำหรับอาชีพขายโจ๊กนี้ เริ่มทำมาตั้งแต่ราวปี 2558  ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุผลทางเศรษฐกิจเป็นหลัก

“สามีเคยลงทุนอาชีพเสริมหลายอย่าง อย่าง รถขนของ ขายก๋วยเตี๋ยวในห้าง แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะมีแต่จ้างลูกน้องทำ  ประกอบกับค่าใช้จ่ายในครอบครัวมีหลายทาง ทั้งต้องดูแลพ่อแม่ ต้องรับผิดชอบลูกสาวคนโตที่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย  ไหนจะลูกคนเล็กที่เป็นภูมิแพ้นมวัวอีก  เลยคิดว่าควรหาอาชีพเสริมไม่ต้องลงทุนมาก และทำเองด้วยตัวเราเอง หวังหารายได้มาจุนเจือครอบครัวอีกทาง” คุณหน่อย เล่ายิ้มๆ

สรุปกันได้ดังนั้น คุณหน่อยจึงขวนขวายหาวิชาอาชีพใส่ตัว ด้วยการใช้เวลาว่างวันเสาร์อาทิตย์ ไปอบรมการทำข้าวเหนียวหมูฝอย การทำโจ๊ก ข้าวต้ม ฯลฯ ก่อนลงทุนอีกครั้ง ด้วยเก้าอี้พับหนึ่งตัว เพื่อเป็นอุปกรณ์หลักในการตั้งร้านขายข้าวเหนียวหมูฝอย ในทำเลละแวกบ้านพัก ซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดสดประจำอำเภอพิบูลมังสาหารนั่นเอง แต่ธุรกิจเล็กๆที่ลงมือทำด้วยตัวเอง ยอดขายไม่ดีอย่างที่หวัง สองสามีภรรยา จึงหารือกันควรเปลี่ยนมาขายอย่างอื่นดีหรือเปล่า

“ทำเลค้าขายในละแวกเดียวกันมีโจ๊ก ขายดีอยู่เจ้าหนึ่งและมักหมดตั้งแต่หกโมงครึ่ง ช่วงที่ขายหมูฝอย เลยชอบมีคนมาถามโจ๊กหมดแล้วเหรอ เลยเกิดความคิดเปลี่ยนมาขายโจ๊ก ขายข้าวต้ม เป็นทางเลือกให้ลูกค้าที่ออกมาสายๆ หน่อย ท่าจะดี” คุณหน่อย เล่าที่มา

ตัดสินใจลงทุนอีกครั้งกับรถเข็นคันไม่เล็กไม่ใหญ่  ก่อนใช้วิชาอาชีพที่ร่ำเรียนมา เปิดร้านขายโจ๊ก-ข้าวต้ม-ก๋วยจั๊บ ปรากฏยอดขายดีกว่าข้าวเหนียวหมูฝอยมาก เลยยึดการขายโจ๊กมาจนถึงทุกวันนี้ รวมเป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้ว

“ช่วงแรกลงทุนไม่เยอะ ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้หมูบดแค่ครึ่งกิโล พอคนเริ่มรู้จัก ค่อยลงทุนทำมากขึ้น ทุกวันนี้ใช้หมูวันละประมาณ  2 กิโล ทำแบบวันต่อวัน ไม่เก็บข้ามคืน” รองสารวัตรหน่อย เล่าอย่างนั้น

เมื่อถามไถ่ถึงภารกิจแต่ละวันแบ่งเวลาการทำงานอย่างไร  เจ้าของเรื่องท่านเดิม เล่า  ช่วงเย็นหลังเลิกงานจะกลับมาเตรียมของ เช่น หมักหมู  ต้มข้าว เคี่ยวน้ำซุป โดยจะมีหลานเป็นผู้ช่วยหนึ่งคน ตอนเช้าตื่นนอนตีสี่ เพื่อรอรับของสดที่จะมาส่งให้ พอหกโมงเช้า เธอและสามีจะช่วยกันเข็นรถออกมาขาย ซึ่งทำเลที่ตั้งร้านนั้น อยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 50 เมตรเท่านั้น

“ที่ร้านมีโต๊ะตัวหนึ่งให้ลูกค้านั่งทานได้ 3-4 คน แต่ส่วนใหญ่มักซื้อใส่ถุงกลับ มีทุกเพศทุกวัน ทั้งนักเรียน ผู้สูงอายุ พ่ออุ้มลูกมา ส่วนราคา เริ่มต้น โจ๊กหมูธรรมดา 25 บาท ใส่ไข่ 30 บาท ค่ะ” คุณหน่อย อธิบายใบหน้ายิ้มแย้ม

กระซิบถามถึงรายรับกับอาชีพเสริมยามเช้านี้ คุณหน่อย เผย หักต้นทุนแล้วต่อวันจะเหลือเงินประมาณ 400-500 บาท ทำให้เดือนหนึ่งๆมีเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว  หากเหลือจะเก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ถามถึงอุปสรรคทำการค้าขายนี้ คุณหน่อย บอกยิ้มๆว่า

“ช่วงฝนตกก็ลำบากนิดหน่อย แต่ไม่หยุดขายนะ เพราะเห็นใจลูกค้า เวลาฝนตกหาของกินยาก  และถ้าเราขายก็ได้ตังค์ด้วย”

ทราบมาก่อนหน้านี้  มีเสียงจากคนรอบข้างบางส่วน ติงว่าไม่น่ามาขายของอย่างนี้ให้เสียเกียรตินายตำรวจยศใหญ่โต  พอถามถึงประเด็นนี้ คุณหน่อย ถอนหายใจเบาๆ ก่อนบอก

“ความคิดเห็นพวกนั้นก็บั่นทอนกำลังใจบ้าง แต่ถ้าไม่ทำ พ่อแม่เรา ลูกเราจะทำยังไง  ทุกวันนี้เห็นข่าวคนฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจกันเยอะ เคยนึกในใจว่าพวกเขาไม่มีทางออกสำหรับชีวิตเลยหรือ  ในเมื่อความเป็นจริงในชีวิตเราเป็นแบบนี้  ก็ต้องดิ้นรนกันไป และคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เราใช้เวลาตอนเช้ามืดก่อนไปทำงาน เสร็จแล้วกลับมาอาบน้ำแต่งเครื่องแบบไปทำงาน  งานหลวงไม่เสีย งานราษฎร์ดูแลเต็มที่ ทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก เราดูแลเต็มที่”

เมื่อถามเคยท้อบ้างมั้ย  รองสารวัตรหน่อย ยิ้มกว้าง ก่อนบอกเสียงดังฟังชัดส่งท้าย

“ไม่ท้อ และตั้งใจจะขายแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเวลาเห็นพ่อกับแม่มีความสุข ลูกมีค่าขนม ไม่ขัดสน เราก็สบายใจ ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบที่ไหน กู้แค่สหกรณ์พอแล้ว”

ร้านโจ๊ก- ข้าวต้ม-ก๋วยจั๊บ ของรองสารวัตรหน่อยและสารวัตรพัฒนพงศ์ สองสามีภรรยาคนขยัน เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่หกโมงถึงแปดโมงเช้า  ตามไปอุดหนุนกันได้ ร้านอยู่แถวตลาดสดประจำอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี