ต่อยอด สินค้าวัฒนธรรม สู่ ยาดม Apaul ที่สร้างยอดขายหลักแสน/เดือน

ต่อยอด สินค้าวัฒนธรรมไทย ด้วย ดีไซน์แพ็กเกจ สู่ ยาดม Apaul ที่สร้างยอดขายกว่าหลักแสน/เดือน

ยาดม หากพูดถึงสินค้าชนิดนี้ ถือเป็นไอเทมสารพัดประโยชน์ อยู่คู่คนไทยมาอย่างนานนม แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยที่แน่ชัดว่า ‘คนไทย’ เริ่มใช้ยาดมกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หากนับตามยี่ห้อเก่าแก่ที่มีในประเทศไทย ก็เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปี 2479 และแพร่หลายตั้งแต่นั้นมา

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้คุยกับ คุณอาร์ต-ภุชงค์ คำพิมาน เจ้าของแบรนด์ Apaul (เอ-พอล) อีกหนึ่งผู้เล่นในวงการ ยาดมไทย โดยเจ้าของแบรนด์เล่าว่า เดิมที Apaul (เอ-พอล) เป็นแบรนด์ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มาก่อน ที่มีคุณอาร์ตเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด และคร่ำหวอดในวงการนี้มากว่า 10 ปี

“งานเฟอร์นิเจอร์ที่เคยทำมา ส่วนใหญ่เป็นสไตล์นอร์ดิก (Nordic) หรือที่เรารู้จักกันอีกชื่อว่าแนวสแกนดิเนเวียน เป็นสไตล์ที่นำเอาพวกรูปทรง เส้นสาย ลวดลายของธรรมชาติมาใช้งาน เมื่อก่อนมันไม่ค่อยมีคนทำงานแนวนี้เท่าไหร่ ผมก็ทำมาเรื่อยๆ ไปแสดงในงานโชว์ ก็ได้รางวัลมาบ้างเรื่อยๆ แต่ทำไปทำมา ผมรู้สึกว่า ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มันทำการตลาดยากนะ”

คุณอาร์ต-ภุชงค์ คำพิมาน เจ้าของแบรนด์ Apaul (เอ-พอล)

“ยิ่งช่วงโควิดนี่เห็นชัดเลย ประกอบกับผมหันไปเห็นเศษไม้ที่มันเหลือจากทำเฟอร์นิเจอร์ ก็เริ่มคิดต่อยอดแล้วว่า เอามาทำสินค้าอะไรได้อีกบ้าง ก็เลยลองเอาคอนเซ็ปต์ที่เคยใช้ทำเฟอร์นิเจอร์มาทำยาดมดู เพราะผมเห็นคนใช้ตลอดเลย ตอนนั่งรถเข้าโรงงานก็เห็นคนขับหยิบขึ้นมาดม ไปไหน ทำอะไร ก็เห็นแบบนี้แทบตลอด คือมันเป็นไอเทมที่ติดตัวคนไทยแทบจะเป็นอวัยวะอีกส่วนแล้ว และก็คิดว่ามันน่าจะทำการตลาดได้ง่ายกว่าด้วย” คุณอาร์ต ว่าอย่างนั้น

นับแต่นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ธุรกิจยาดม Apaul (เอ-พอล) ซึ่งคุณอาร์ต เล่าเพิ่มอีกว่า โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ดมยาดม ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร แต่ในเมื่อคิดจะทำก็เริ่มหาความรู้เพิ่มเติมจากยูทูบ และนำเอาความรู้ที่มีมาผสมผสานให้เกิดเป็นรูปเป็นร่าง

“ยาดมแมสๆ ที่มีขายในตลาด เขาก็ตั้งราคาขายก็ไม่เกิน 100 บาทกันเยอะ แต่ผมตั้งใจไว้ว่าจะทำยาดมอันละ 300-400 ขายฉีกออกไป คนรอบข้างก็แนะนำติห้ามกันเยอะมาก แต่ผมก็ใช้เวลาอธิบายไปว่าที่ทำอยู่น่ะ มันเป็นยังไง โดยผมเน้นอะไรที่เป็นธรรมชาติบำบัด เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลักการหมักสมุนไพรไทยแบบดั้งเดิมมันดีต่อร่างกาย อยากให้คนกลับมาหลงรักความคราฟต์ตรงนี้ ได้ใช้ของดีๆ อยากให้คนรู้สึกดี สงบ สบาย แค่เห็นดีไซน์สินค้าก็ทำให้รู้สึกดีได้ โดยไม่ต้องสัมผัส หรือไม่ใช่แค่การดมกลิ่น ผมก็ทำให้ ตั้งคอนเซ็ปต์ทำยาดมแบบที่มันเหมาะจะซื้อไปเป็นของฝากออกมา”

“ทำให้ยาดมมันมีความคราฟต์ขึ้น ทั้งงานถักเย็บต่างๆ ที่ใช้ในโปรดักต์ เพราะจุดเด่นอย่างหนึ่งของประเทศไทยคืองานคราฟต์พวกนี้ ก็เอามาผสมในงานโมเดิร์น ทำให้มันขายได้ทั่วโลก ดูเป็นมิตรกับคนทุกกลุ่ม และสินค้าต้องอยู่กับเราไปนานๆ ไม่ควรเป็นอะไรที่ใช้แล้วทิ้งสร้างขยะเพิ่ม เลยทำยาดมเอพอลออกมา 2 แบบ คือแบบกระปุก ที่เป็นยาดมสูตรโบราณ ไม่ใส่น้ำหอม เพราะต้องการโชว์เลยว่า ยาดมกระปุกนี้เรามีส่วนผสมอะไรบ้าง อันนี้จะราคา 350 บาท กับอีกแบบคือ ยาดมแบบแท่งไม้ ที่เป็นแบบ Aroma Nordic สามารถเปลี่ยนไส้ได้ มีรีฟิล อันนี้ก็จะราคา 450 กับ 640 บาท” คุณอาร์ต เล่า

ปัจจุบัน ธุรกิจยาดม Apaul (เอ-พอล) ดำเนินกิจการมาได้กว่า 3 ปี สินค้าวางจำหน่ายในห้างด้วย อาทิ ไอคอนสยาม สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามวัน ทำให้คุณอาร์ตสามารถสร้างยอดขายเฉลี่ยกว่าหลักแสนต่อเดือน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง ที่นอกจากมาซื้อไปลองใช้แล้วก็มักซื้อเป็นของฝาก รวมถึงส่งออกทั่วโซนเอเชีย ยุโรป นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย

“ด้วยความที่สินค้าของแบรนด์เป็นงานคราฟต์จริงๆ มันเลยจะติดปัญหาเรื่องการผลิตที่ผลิตไม่ค่อยทันความต้องการของลูกค้า นอกจากยาดม ผมก็อยากจะต่อยอดทำเครื่องหอมเพิ่มด้วย อยากทำเป็นช็อปยาดม ให้เหมือนช็อปน้ำหอม เป็นจุดเช็กอินใหม่ที่ใครมาประเทศไทยก็ต้องมาซื้อกลับไปฝากกัน” คุณอาร์ต ทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Apaul

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2566