เปิด 7 เรื่องจริง บุญเติม จากตู้เติมเงินมือถือ สู่สารพัดตู้บริการ

ย้อนไปเมื่อ 12 ปีก่อน เป็นครั้งแรกที่คนไทยได้รู้จักบริการเติมเงินผ่าน “ตู้บุญเติม” ตู้สีส้มขนาดกะทัดรัด ตั้งอยู่ตามร้านค้าในชุมชน เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้โทรศัพท์ทั่วประเทศ และนี่คือ 7 เรื่องจริง ที่ทุกคนยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับ ตู้บุญเติม

1. คุณณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี เติบโตมาจาก ตู้โทรศัพท์สาขา pabx และโด่งดังมากเพราะเคยเป็นผู้ทำระบบชุมสายโทรศัพท์ให้กับ TOT ทั่วประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านสื่อสาร และเล็งเห็นว่า การเติมเงินโทรศัพท์สมัยก่อนถือเป็นเรื่องยาก ไม่มีบริการออนไลน์ ยังเป็นยุคของการเติมเงินผ่านบัตรต้องขูดเลขเพื่อเติมเงิน และในยุคนั้นบริษัทเป็นผู้ผลิตตู้เติมเงินให้กับเครือข่ายโทรศัพท์ 3 ค่ายดัง แต่บริหารจัดการยาก

“บริษัท มองเห็นโอกาส จึงควบรวมเป็นตู้เดียว ยกเลิกการขายแล้วเปลี่ยนมาผลิตและให้บริการเอง ใช้วิศวกรไทยทั้งหมด ที่ใครๆ รู้จักในชื่อ ตู้บุญเติม เป็นชื่อที่พระตั้งให้ คล้ายกับการเติมบุญหรือทำบุญ ซึ่งตรงกับการให้บริการของตู้ คือ การเติมเงิน” คุณณรงค์ศักดิ์ เผย 

2. ตู้บุญเติม เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด สร้างรายได้ให้บริษัทมากถึง 80% ปัจจุบัน มีจำนวนตู้กระจายอยู่ทั่วประเทศมากถึง 130,065 ตู้ กว่า 50% ตั้งอยู่หน้าร้านโชห่วย แบ่งเป็น ภาคเหนือ 20,933 ตู้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 38,354 ตู้ ภาคกลาง 24,185 ตู้ กรุงเทพฯ 17,564 ภาคตะวันออก 12,988 ตู้ ภาคใต้ 16,041 ตู้

3. จากบริการเติมเงินโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว ขยายสู่ 86 บริการ ประกอบด้วย บริการหลัก คือ บริการเติมเงิน, บริการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์, บริการเติมเกมออนไลน์, บริการฝากเงิน, บริการแพ็กเกจอินเตอร์เน็ต, บริการจ่ายเงิน เช่น ทรูมันนี่ แอร์เพย์ ขสมก., บริการซื้อไลน์สติ๊กเกอร์, บริการประกัน, บริการดูดวง, และบริการอื่นๆ ผ่านบริการ 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ กัมพูชา และเมียนมา

4. จากทั้งหมดนี้ คุณณรงศักดิ์ เผยว่า มีผู้ใช้บริการตู้บุญเติมราว 21 ล้านเลขหมาย ปริมาณการใช้ 1.5 ล้านธุรกรรมต่อวัน เฉลี่ยการเติมเงิน 40-50 บาท ต่อครั้งต่อคน โดยจ่ายค่าธรรมเนียมครั้งละ 2 บาท เช่น เติม 20 บาท จ่าย 22 บาท โดยผู้ที่นำตู้ไปตั้งจ่ายค่าแรกเข้าครั้งเดียวเพียง 5,000 บาท แชร์รายได้ 3 ส่วน FSMART-ผู้ให้บริการ-Agent หรือ ตัวแทน โดยไม่ขายขาด หากตู้เสีย มีตัวแทนทั่วประเทศซ่อมให้ฟรี และอัพเดตฟรี เมื่อมีบริการใหม่

5. แม้จะโตมาจาก ตู้เติมเงินมือถือ แต่คุณณรงศักดิ์ มองว่า ลูกค้าไม่ได้ใช้บริการเติมเงินเพียงอย่างเดียว โดยเห็นว่าตามหมู่บ้าน หรือจุดตั้งตู้บุญเติมส่วนใหญ่ไม่มีธนาคาร หรือตู้ ATM บริษัทจึงเจรจากับแบงก์ ขอเป็นตัวแทนธนาคาร หรือ Banking Agent ให้บริการฝากเงิน เปรียบเสมือน ตู้ธนาคารชุมชน

โดยสามารถฝากเงินได้ 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรี ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ส่วนบริการถอนเงิน และเปิดบัญชี กำลังเร่งพัฒนาอยู่ คาดว่าจะให้บริการต้นปี 2564

6. นอกจากตู้บุญเติม สีส้ม ที่เราคุ้นตาแล้ว บริษัทยังมีตู้ธุรกิจในอนาคตที่วางไว้ เช่น ตู้เวนดิ้งแมชชีน ตู้น้ำมัน สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นกล่องแห่งอนาคตที่บริษัทวางเป้าหมายไว้

7. และ ตู้กาแฟสดหนึ่งเดียวในโลก “แบรนด์เต่าบิน” คุณณรงศักดิ์ เผยว่า ตั้งเป้าให้บริการประมาณ 20,000 ตู้ใน 3 ปี หวังทดแทนร้านน้ำชงและ ร้านกาแฟในปั๊ม ความพิเศษของตู้กาแฟสด คือ ระบบเทคโนโลยี ซึ่งสามารถชงกาแฟได้รสชาติเสมอกันทุกแก้ว และยังมีบริการบุญเติมทุกตู้ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งสูตร การคัดสรรเมล็ดกาแฟ คาดว่าจะออกตลาดไตรมาสแรกของปี 2564

สำหรับผู้ที่สนใจ บริษัทวางไว้ 2 โมเดล คือ 1. สำหรับคนไม่อยากเหนื่อย นำทำเลมานำเสนอ คิดค่าเช่า หรือแชร์ส่วนแบ่งรายได้  2. สำหรับคนอยากมีรายได้ ต้องออกแรงหน่อย มีพื้นที่ ดูแลจัดการวัตถุดิบเติมของเอง ซึ่งตัวเลขยังไม่เป๊ะว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ แต่ด้วยโมเดลของตู้บุญเติมที่ผ่านมาคาดว่าไม่เกินหมื่นบาท และอาจจะต้องเสียค่าวัตถุดิบรอบแรกประมาณ 4,000 บาท เมื่อขายหมดแล้วต้องสั่งใหม่เป็นรอบๆ แบ่งรายได้ 2 ส่วน คือ เจ้าของตู้ หรือ Owner – ForthVending (บริษัทย่อย) หากตู้เสีย ใช้งานไม่ได้ บริษัทมีบริการซ่อมให้ ดีกว่าเปิดร้านที่ลงทุนหลายอย่าง 

และทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของตู้บุญเติม ที่ไม่ใช่แค่ตู้เติมเงิน แต่คือตู้สารพัดบริการของทุกคน