“อภิรักษ์ โกษะโยธิน” อดีตผู้ว่าฯ กทม. หันปลูกข้าวโพด ส่งเซเว่นฯ ยอดขาย 150 ล้าน

ช่วงปีสองปีนี้มานี้ ธุรกิจหลายอย่างได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจที่แย่ลงกันไปไม่มากก็น้อย ซึ่งส่งผลถึงกำลังการซื้อสินค้าของคนด้วย รวมถึงธุรกิจด้านอาหารด้วย ที่ต่างก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไม่มากก็น้อย

คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) ที่ทำธุรกิจข้าวโพดหวาน ตรา วีคอร์น ขายในเซเว่นอีเลฟเว่น เริ่มต้นเรื่องราวด้วยผลกระทบในการทำธุรกิจ “ช่วงปีสองปีนี้มานี้ เศรษฐกิจมีผลกระทบต่อธุรกิจด้านอาหาร เครื่องดื่มบ้าง แต่ที่ยังขายได้อยู่ เพราะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็น อย่างไรคนก็ต้องทาน แต่ผลกระทบที่มากที่สุดคือ เรื่องดิน ฟ้า อากาศ เพราะปีสองปีมานี้ มีปัญหาภัยแล้ง เลยทำให้สินค้าทางการเกษตรขาดคุณภาพไปบ้างและได้ผลผลิตที่ไม่เพียงพอ”

ก่อนจะย้อนเล่า ถึงการเริ่มต้นทำธุรกิจข้าวโพดหวานที่เป็นที่รู้จักอย่างในทุกวันนี้ว่า “เรียนจบทางด้านฟู้ดไซน์ มาก่อน ได้ทำงานเกี่ยวกับด้านอาหาร เครื่องดื่มมาตลอด 20 ปี ตั้งแต่สมัยที่เป๊ปซี่ เลย์ ส่งเสริมให้ปลูกมันฝรั่ง พอมีโอกาสที่จะได้กลับมาทำธุรกิจของตนเอง ก็เลยมองธุรกิจเกี่ยวข้องอาหารและครื่องดื่มเป็นหลัก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม พื้นฐานของธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศไทย ก็มักเป็นการแปรรูปมาจากสินค้าเกษตร จึงเป็นความสนใจที่อยากจะมาทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าเกษตร นี่คือเหตุผลที่หนึ่ง ส่วนเหตุผลที่สอง คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยใหม่ ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ที่เขาสนใจเรื่องสุขภาพ และใส่ใจในด้านโภชนาการ เรื่องของประโยชน์สารอาหารในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น เป็นเหตุผลที่ทำให้ตั้งต้นมาทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร และเครื่องดื่ม”

ส่วนวิธีการทำให้ธุรกิจที่อยากทำเกิดขึ้นได้เร็ว จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น คุณอภิรักษ์ ก็บอกว่า มีวิธีการอย่างหนึ่งคือ การหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะมาร่วมทำด้วยกัน เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในหลากหลายด้าน เช่น ถ้ามีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในเรื่องของการผลิต มาช่วยในการผลิตอยู่แล้วก็จะช่วยได้เยอะในเรื่องนี้ ตัวเราเองก็มาเน้นเรื่องการทำการตลาด นวัตกรรมที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรมีคุณภาพ โดยเริ่มมาตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ข้าวโพด พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรักษาความสดใหม่ของข้าวโพด รวมถึงการมีทีมงานรุ่นใหม่และงานวิจัยที่จะช่วยพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นอยู่เสมอ

“พอดีผมมีรุ่นพี่ที่เรียนด้านฟู้ดไซน์มาเหมือนกัน เขามีโรงงานผลิต และส่งออก สินค้าเกษตร จำพวก พืช ผัก ผลไม้ ก็เลยได้คุยกัน จึงได้ก่อตั้งบริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) ขึ้นมา จากนั้นก็ศึกษาดู และเลือกว่า ผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่น่าจะมีโอกาสเติบโตในตลาดได้ จนในที่สุดก็ได้เลือกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน พร้อมทาน ตราวีคอร์น ที่เราสร้างแบรนด์ขึ้นมาวางจำหน่าย เขาก็ได้กลายมาเป็นพันธมิตรที่ดี”

เหตุผลที่เลือกทำผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานพร้อมทาน เพราะ 1. คนไทยรู้จักมักคุ้นดียู่แล้ว ทานข้าวโพดกันอยู่แล้วเป็นปกติ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา อาจจะมีหาซื้อยากบ้าง อะไรบ้าง ในราคาที่ไม่แพงมาก แค่เพียงว่าอาจจะหาซื้อไม่ได้ตลอด หรือไม่ค่อยสะดวกเท่านั้น  และ 2. ข้าวโพด มีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการในตัวของมันอยู่แล้วที่เป็นประโยชน์ เช่น สารโฟเลต สารต่อต้านอนุมูล เบต้าแคโรทีน ช่วยในเรื่องของบำรุงสายตา

เมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะทำขายได้แล้ว จึงคิดว่าต้องหาช่องทางการขายที่ง่าย สะดวก ก็เลยได้ไปคุยกับทางร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาทั่วประเทศ ก็คือ เซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งก็ได้ช่องทางวางจำหน่ายมา จึงได้ผลิตสินค้าข้าวโพดหวานพร้อมทาน ตราวีคอร์น และไปวางจำหน่ายที่เซเว่นฯ ทุกสาขา เป็นอีกหนึ่งพันธมิตร คุณอภิรักษ์ เล่า

“ด้วยพื้นที่โรงงานอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่แถบนั้นปลูกข้าวโพดหวาน เพื่อส่งข้าวโพดมาให้ที่โรงงานในการผลิตด้วย ถือเป็นการการันตีรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด เพราะรับซื้อทั้งหมดที่ไปส่งเสริมเกษตรในการปลูก โดยเป็นสายพันธุ์เฉพาะที่พัฒนาขึ้นมา คือ โกลเด้นสวีตคอร์น ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีรสชาติดี หวาน กรอบ อร่อย และมีโภชนาการที่มีประโยชน์

ด้านการทำการตลาด จะทำการตลาดแบบสมัยใหม่ อย่างแบรนด์ตราวีคอร์นเนี่ย เราส่งเสริมการขายโดยการเล่าเรื่อง เน้นการสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคถึงคุณค่าสารอาหาร ประโยชน์ของข้าวโพดของการบริโภคข้าวโพดด้วย จนตอนหลังก็ได้มีการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น จากข้าวโพดเป็นฟักๆ ก็มาทำเป็นข้าวโพดเม็ดๆ คลุกเนย ไม่คลุกเนย แล้วก็มาทำเป็นน้ำนมข้าวโพด ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และล่าสุด ก็มาทำเป็นข้าวโพดตัด 3 ท่อน ซึ่งขายข้าวโพดตัด 3 ท่อน ได้ความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ เพราะความสะดวกและง่ายในการทาน คนรุ่นใหม่จึงนิยมซื้อมาก”

สำหรับความยาก หรือความง่ายในการเข้าสู่ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่มนั้น คุณอภิรักษ์ บอกว่า “ในมุมมองของผม ธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มีอนาคต เพราะคนยังไงก็ต้องซื้อสินค้าบริโภคอยู่แล้ว และคนสมัยใหม่ต้องการอยู่ 2 เรื่องคือ หนึ่ง สินค้าที่มีประโยชน์ และสอง สินค้าสะดวกในราคาที่ไม่แพงมาก ดังจะเห็นได้จากสินค้าของเราที่ราคาไม่เกิน 20 บาท

แต่แน่นอนว่า มันก็ต้องมีการแข่งขันที่สูงด้วย เพราะผู้บริโภคมีโอกาสที่จะเลือกสินค้าได้หลากหลาย ดังนั้น การจะทำสินค้าอาหารมาขาย ก็ต้องมีความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค สอดคล้องกับการดำเนินวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่คนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากๆ ด้วย”

โดย คุณอภิรักษ์ บอกว่า ดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 3 ปี ปัจจุบันรวมหน่วยการขาย ทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นข้าวโพดแบบฝัก ข้าวโพดตัด 3 ท่อน และข้าวโพดถ้วยที่แปรรูปแล้ว เฉลี่ยยอดขายต่อเดือนประมาณ 1 ล้านฝัก ยอดขายของบริษัทในปี 2560 นี้ คาดว่าประมาณ 150 ล้าน

ไม่เพียงแต่จะขายในเมืองไทยเท่านั้น ในอนาคตต้องการที่จะขยายธุรกิจไปสู่ตลาด CLMV ก็คือ สปป. ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้กัน และเขาก็มีความชอบสินค้าของไทยอยู่แล้วจากการดูหนัง ดูละครต่างๆ ของไทย เพียงแต่อาจจะต้องดูเรื่องของการตลาด และกำลังการซื้อว่าจะเป็นอย่างไรเพิ่มเติม อาจจะเริ่มขยายไปเพียงหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ก่อน คุณอภิรักษ์ ทิ้งท้าย