การรับบริจาคเลือดในสุนัข

ในปัจจุบันนี้มีโรคมากมายที่พบได้ในสุนัข และก่อโรคที่มีผลข้างเคียงต่อระบบเลือดของสุนัข ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่หลายๆ คนที่เลี้ยงสุนัขน่าจะรู้จัก เช่น โรคพยาธิในเม็ดเลือดที่มีสาเหตุมาจากเห็บ โรคมะเร็ง หรือแม้แต่อุบัติเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียเลือด เป็นต้น

สุนัขที่น่าสงสารเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการให้เลือดไม่ต่างจากคนเลยค่ะ แต่ปัญหาหลักๆ ของสุนัขที่สำคัญคือ การที่มีเลือดไม่เพียงพอสำหรับสุนัขทุกตัวที่ต้องการเลือด ศูนย์บริการที่ให้เลือดก็มีน้อย มีโรงพยาบาลสัตว์เพียงไม่กี่แห่งที่สามารถให้บริการรับ-ถ่ายเลือดได้

เดี๋ยวหมอจะบอกให้ทราบกันพอเป็นความรู้นะคะ ว่าขั้นตอนการรับ-ถ่ายเลือดในสุนัขนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง เผื่อท่านผู้อ่านท่านไหนที่เลี้ยงสุนัขที่อยู่ในเกณฑ์ที่บริจาคเลือดได้ จะสนใจพาสุนัขของท่านไปบริจาคเลือดกัน เพื่อช่วยเหลือสุนัขที่ป่วยเหล่านั้นให้ได้มีชีวิตที่แข็งแรงขึ้นจากความเจ็บป่วยและสามารถมีชีวิตต่อไปได้

สำหรับสุนัขที่สามารถมาบริจาคเลือดได้ ควรมีคุณสมบัติดังนี้

Ÿ น้องหมาจะต้องมีสุขภาพดี กินได้ปกติ ขับถ่ายปกติ

Ÿ มีอายุตั้งแต่ 1-6 ปี ไม่จำกัดเพศและพันธุ์

Ÿ สำหรับน้องหมาเพศเมีย ต้องไม่อยู่ในช่วงของการเป็นสัด (รอให้พ้นระยะเป็นสัดไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์) ไม่ได้กำลังตั้งท้อง ไม่ได้กำลังให้นมลูก หรือมีปัญหาแท้งลูกภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา

Ÿ น้องหมาควรมีน้ำหนักมากกว่า 18-20 กิโลกรัม

Ÿ มีประวัติการทำวัคซีนครบ และฉีดกระตุ้นเป็นประจำทุกปี และควรเว้นระยะห่างหลังจากการฉีดกระตุ้นวัคซีนมาแล้วไม่น้อยกว่า 2-4 สัปดาห์ ก่อนมาบริจาคเลือด

Ÿ มีประวัติการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจและเห็บหมัดเป็นประจำต่อเนื่องทุก 1-2 เดือน

Ÿ ไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเลือด เช่น โรคพยาธิในเม็ดเลือด โรคพยาธิหนอนหัวใจ เป็นต้น

Ÿ ไม่ป่วยด้วยโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเลือด เช่น โรคโลหิตจาง ภาวะภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือดตัวเอง เป็นต้น

Ÿ ไม่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือโรคผิวหนัง และโรคติดเชื้ออื่นๆ

Ÿ ไม่เคยได้รับการถ่ายเลือดมาก่อน

Ÿ ไม่ได้รับการผ่าตัดใหญ่มาในระยะเวลา 1- 2 เดือนที่ผ่านมา

Ÿ ไม่ได้รับยา เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้

Ÿ ไม่มีเห็บหมัด

Ÿ กรณีที่มีโรคประจำตัวโปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนพามาบริจาค

การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนพาไปบริจาค

Ÿ อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายน้องหมาให้เรียบร้อย

Ÿ ให้น้องหมาได้ผ่อนคลายและได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่

Ÿ งดอาหารทุกชนิดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และงดน้ำ 2-3 ชั่วโมงก่อนบริจาค เพื่อความปลอดภัยหากต้องวางยาซึม

ขั้นตอนการบริจาคเลือดของสุนัข

  1. เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสัตว์ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ แจ้งความจำนงว่าพามาบริจาคเลือด ทำประวัติและกรอกเอกสารซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลส่วนตัวของน้องหมา แบบสอบถามความพร้อมของสัตว์ในการบริจาคเลือด
  2. นำน้องหมาขึ้นชั่งน้ำหนัก และรอคิวเข้าตรวจสุขภาพกับคุณหมอ
  3. เข้าตรวจสุขภาพร่างกายอย่างละเอียด ได้แก่ วัดอุณหภูมิ ตรวจร่างกาย ฟังเสียงปอด ฟังเสียงหัวใจ ฯลฯ และเจาะเก็บเลือดประมาณ 3-5 ซีซี เพื่อตรวจค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจค่าตับ (SGPT/ALT) ตรวจค่าไต (Creatinine) ตรวจโรคพยาธิหนอนหัวใจ ตรวจโรคพยาธิในเม็ดเลือด รวมถึงโรคต่างๆ ที่ติดต่อผ่านเลือดได้ เพื่อเป็นการคัดกรองสุขภาพก่อนเข้าบริจาคเลือดต่อไป อีกทั้งยังเป็นการเช็กสุขภาพของน้องหมาไปในตัวด้วย
  4. เมื่อน้องหมามีร่างกายพร้อมสมบูรณ์ ก็สามารถบริจาคเลือดได้
  5. ก่อนเก็บเลือดในบางราย คุณหมออาจจะวางยาซึมเพื่อลดความกระวนกระวาย และป้องกันน้องหมาดิ้นรนขณะทำการเก็บเลือด
  6. ให้น้องหมานอนในท่านอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง
  7. ทำการโกนขนบริเวณลำคอรัศมี 5 เซนติเมตร เนื่องจากบริเวณที่เหมาะสมที่สุดที่ใช้ในการเจาะเลือดคือ เส้นเลือดดำ Jugular Vein บริเวณลำคอ หรืออาจเป็นบริเวณขาหน้าคือ เส้นเลือดดำ Cephalic Vein ก็ได้
  8. ทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการเจาะเลือดด้วยแอลกอฮอล์สลับกับยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีนหรือคลอเฮกซิดีน ประมาณ 3-5 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าปราศจากเชื้อโรคจริงๆ
  9. ทำการเจาะเก็บเลือดบริเวณดังกล่าว ด้วยเข็มและถุงเก็บเลือดปราศจากเชื้อชนิดเดียวกับที่ใช้เก็บเลือดในคน โดยจะเก็บปริมาณ 350-450 ซีซี ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
  10. หลังจากได้เลือดตามต้องการแล้ว ทำการถอดเข็ม แล้วใช้สำลีแห้งสะอาดกดห้ามเลือดประมาณ 2-3 นาที หรือจนกว่าเลือดจะหยุดไหล (ห้ามถูไปมา)
  11. สังเกตอาการน้องหมาหลังเก็บเลือดและรอน้องหมาฟื้นจากยาซึมประมาณ 15-30 นาที
  12. หลังจากน้องหมาฟื้นดีแล้ว จึงค่อยให้น้องหมาเลียกินน้ำได้ โดยเริ่มจากให้กินปริมาณน้อยๆ ก่อน เมื่อเห็นว่าน้องหมาปลอดภัยดีแล้วคุณหมอจะอนุญาตให้กลับบ้าน
  13. ก่อนพาน้องหมากลับบ้านน้องหมาจะได้รับบัตรประจำตัวผู้บริจาคเลือด พร้อมกับรับยาบำรุงเลือดกลับมาป้อนต่อที่บ้านประมาณ 7-14 วัน

*** หมายเหตุ ในกรณีปกติ บางครั้งคุณหมออาจพิจารณาให้น้ำเกลือเข้าทางเส้นเลือดในระหว่างที่ทำการเก็บเลือดพร้อมกันไปด้วยในบางราย หรืออาจให้น้ำเกลือใต้ผิวหนังหลังจากเก็บเลือดเสร็จสิ้นแล้วในบางราย

หลังจากการบริจาคเลือด

Ÿ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วให้ดูแลและให้อาหารได้ตามปกติ แต่พยายามเน้นให้น้องหมากินน้ำเยอะๆ อย่างน้อยควรได้รับปริมาณ 50 ซีซี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน

Ÿ ควรงดการออกกำลังหรือทำกิจกรรมหนักๆ อย่างน้อย 2-3 วัน

Ÿ สังเกตอาการต่างๆ ว่ามีหรือไม่ เช่น บวมช้ำบริเวณที่เจาะเลือด น้องหมาซึม อ่อนแรงหรือเป็นลม ฯลฯ ถ้ามีควรพาไปพบคุณหมอ

Ÿ ป้อนยาตามที่คุณหมอแนะนำโดยเคร่งครัด

Ÿ น้องหมาสามารถบริจาคเลือดและเช็กสุขภาพไปในตัวได้ทุกๆ 2-3 เดือน หรืออาจเร็วกว่านี้ได้ คือ 4 สัปดาห์ให้หลัง แต่ควรต้องตรวจเลือดเพื่อดูความพร้อมก่อนทุกครั้ง

ประโยชน์ที่ได้จากการบริจาคเลือด

  1. ได้ร่างกายที่แข็งแรง เพราะร่างกายน้องหมาจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาใหม่ ทำให้น้องหมามีสุขภาพแข็งแรง
  2. ก่อนการบริจาคทุกครั้งน้องหมาจะได้รับการตรวจเลือด และเช็กสุขภาพเป็นประจำทุก 4-6 เดือน ในกรณีที่ผลเลือดผิดปกติ ทางโรงพยาบาลสัตว์จะแจ้งให้เจ้าของทราบทันที ซึ่งจะทำให้น้องหมาได้รับการรักษาและหายจากโรคได้เร็ว
  3. ได้รับยาบำรุงเลือด
  4. ได้ช่วยเหลือตัวอื่นๆ และตัวเอง เมื่อต้องใช้เลือดยามเจ็บและป่วย ช่วยต่อลมหายใจให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ด้วยนะคะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก www.doglike.com