ตู้เย็นเพาะเห็ดถั่งเช่าโตเร็ว ต้นทุนเครื่องละหมื่น 60 วัน เก็บขายได้ ทำกำไร 2,000 บาทต่อรอบ

คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดตัว “ตู้เย็นโดเรมอนเพาะเห็ดโตเร็ว” โดยนวัตกรรมดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างระบบทำความเย็น (ตู้เย็น) และระบบควบคุม-สั่งการ  2 ส่วน คือ ระบบชุดควบคุม ทำหน้าที่ควบคุมปัจจัยแวดล้อมภายในกล่องเพาะเห็ดให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และ ระบบประมวลผล โดยที่ผู้ใช้งานทำหน้าที่เพียงติดตาม และควบคุมสภาพแวดล้อมภายในโรงเพาะเห็ดผ่านระบบอินเตอร์เน็ต

ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าวสามารถทำให้เห็ดถังเช่าสีทองโตเร็วกว่าปกติถึง 18% ในเวลาเพียง 2 เดือนครึ่ง พร้อมคงรสชาติและสรรพคุณที่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมดังกล่าว อยู่ระหว่างการยื่นจดอนุสิทธิบัตรและดำเนินการพัฒนาต่อในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผลงานของเยาวชนในโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

รศ. ปกรณ์ เสริมสุข คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. กล่าวว่า จากโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลไทยอย่าง ‘ไทยแลนด์ 4.0’ ที่มุ่งผลิตฐานกำลังผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ฯ มธ. ดำเนิน ‘โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย หรือ โครงการ วมว. เพื่อรองรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูง  โดยที่ผ่านมา คณะวิทยาศาสตร์ฯ มธ. มีเยาวชนในโครงการฯ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 90 คน ซึ่งสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมเป็นจำนวนมาก อาทิ ชุดโดรนติดตามสภาพอากาศและก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และ ไซรัปกล้วย ที่ไร้สารให้ความหวาน หนุนรายได้ชาวสวนกล้วยไทย เป็นต้น

ดร. วสิศ ลิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. กล่าวว่า  สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ได้บูรณาการศาสตร์ความรู้ทั้งด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฟิสิกส์ วงจรไฟฟ้า และชีววิทยา สอนองค์ความรู้แก่นักเรียนในโครงการ วมว. และได้ร่วมกันพัฒนาเป็นนวัตกรรม “ตู้เย็นโดเรมอนเพาะเห็ดโตเร็ว” ด้วยต้นทุนตั้งต้นเพียง 1 หมื่นบาท แต่สามารถก้าวสู่เงินล้านได้ จากผลผลิตที่เติบโตเร็วกว่าปกติถึง 18% ในเวลาประมาณ 60-75 วันหรือประมาณ 2 เดือนถึง 2 เดือนครึ่ง แต่ยังคงรสชาติและสรรพคุณที่ครบถ้วน โดยที่ผู้ใช้งานทำหน้าที่เพียงติดตาม และควบคุมสภาพแวดล้อมภายในโรงเพาะเห็ด ควบคุม-สั่งการผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในระบบอินเตอร์เน็ต

ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างระบบทำความเย็น (ตู้เย็น) และระบบควบคุม-สั่งการใน 2 ส่วนสำคัญ (ซึ่งติดตั้งบริเวณด้านหลังของตู้เย็น) คือ

  1. ระบบชุดควบคุม ทำหน้าที่ควบคุมปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในกล่องเพาะเห็ดให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม ซึ่งภายในระบบจะประกอบด้วย ไมโครคอนโทลเลอร์ (Microcontroller) ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต สะพานไฟ (Relay) ทำหน้าที่เปิดและปิดระบบทำความเย็นและความชื้น ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ทำหน้าที่ควบคุมไฟหลอดแอลอีดีที่ใช้ในระบบกล่องเห็ดอัจฉริยะ โดยทีมผู้พัฒนาได้เลือกใช้แสงสีชมพู เนื่องจากเป็นสีที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเห็ดถั่งเช่าสีทองได้เป็นอย่างดี และ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น (Sensor) ซึ่งมีสัญญาณออกแบบดิจิตอลที่มีความแม่นยำสูง โดยสามารถวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -40 องศา ถึง 80 องศา
  2. ระบบประมวลผล (Server) ทำหน้าที่รับข้อมูลสถานะอุณหภูมิและความชื้นจากชุดควบคุม เพื่อทำการประมวลผลค่าของอุณหภูมิว่าตรงกับค่าที่ได้กำหนดหรือไม่ จากนั้นจึงทำการสั่งเปิด-ปิดระบบต่างๆ ของชุดควบคุม ซึ่งค่าต่างๆ ที่กำหนดจะรับมาจากเว็บเบราว์เซอร์ และเซิร์ฟเวอร์ยังส่งข้อมูลสถาะนะของกล่องเห็ดอัจฉริยะในรูปของตัวอักษรและกราฟในทันที รวมถึงเก็บข้อมูลของคำสั่งวันเวลาและสถานะลงฐานข้อมูล พร้อมแสดงผลในรูปเส้นกราฟ โดยใช้โปรแกรมบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ทีมงานได้พัฒนาขึ้น ซึ่งสามารถตั้งโปรแกรมการเพาะปลูกเห็ดเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงให้เหมาะกับชนิดและอายุของเห็ด

นวัตกรรม “ตู้เย็นโดเรมอนเพาะเห็ดโตเร็ว” ใช้เวลาในการเพาะประมาณ 60-75 วัน ซึ่งภายในสามารถบรรจุขวดโหลเห็ดถั่งเช่าสีทอง ได้ประมาณ 30 ขวด หรือคิดเป็นปริมาณ 500 กรัม แต่สามารถทำกำไรได้ประมาณ 2,000 บาทต่อรอบ จากต้นทุนตั้งต้นหลักหมื่นบาท ที่สามารถควบคุมดูแลเองได้โดยไม่ต้องจ้างแรงงานคน ซึ่งจากผลสำเร็จของการใช้ระบบดังกล่าว ทำให้เห็ดถั่งเช่าสีทองเติบโตได้มากกว่าปกติ โดยเฉลี่ย 15 มิลลิเมตร หรือประมาณ 17.78%

โดยนวัตกรรมดังกล่าว อยู่ระหว่างการยื่นจดอนุสิทธิบัตรและดำเนินการพัฒนาต่อในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม “เห็ดถั่งเช่าสีทอง” ถือเป็นเห็ดสายพันธุ์หนึ่งที่มีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้ตามความเชื่อของชาวจีน เนื่องจากประกอบด้วยสารคอร์ไดเซปินเป็นส่วนใหญ่ ตอบโจทย์กระแสรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี จึงเป็นผลให้ปัจจุบันมีราคาต่อกิโลกรัมสูงถึง 60,000 – 100,000 บาท อีกทั้งยังเกิดกลุ่มธุรกิจและผู้ประกอบการจำนวนมาก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ 02-986-9156 หรือติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ.ศูนย์รังสิต โทรศัพท์ 02-564-4440-59 ต่อ 2010 เว็บไซต์ www.sci.tu.ac.th