ทำใช้เองสู่ทำขาย สกินแคร์ ที่เกิดจากปัญหาสุขภาพ สร้างรายได้เดือนละ 6 หลัก ให้อดีตพยาบาลวิชาชีพ

เพราะเกิดอุบัติเหตุรถชน มีผลให้เลือดออกในตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่เปรียบเสมือนเครื่องกรองและกำจัดสารพิษ ทำให้ คุณไก่-พชรรัชต์ พิพัฒน์ภูมิธนา ไม่สามารถใช้แชมพู สบู่ หรือของที่ซื้อตามซูเปอร์มาร์เก็ตได้

โดยเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกมาใช้ ก็มีราคาสูง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย เธอจึงต้องทำผลิตภัณฑ์ใช้เอง และเมื่อใช้ดีมีคนขอซื้อ ทำให้เกิดเป็นแบรนด์ Bossanova (บอสซาโนวา) ที่ได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาว พร้อมสร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน

คุณไก่ วัย 46 ปี เล่าให้ฟังว่า หลังเกิดอุบัติเหตุ เธอได้ลาออกจากงานพยาบาลวิชาชีพที่ทำมาตลอด 16 ปี เกี่ยวกับชุมชน เยี่ยมบ้าน ผู้สูงอายุ แม่และเด็ก มารักษาตัวในโรงพยาบาลนานเกือบ 2 ปี เมื่อรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์แบบที่เคยใช้อยู่ทุกวัน ทำให้เธอต้องทนอาบน้ำเปล่านานถึง 6 เดือน

“เราลาออกมาแล้ว ซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกใช้ไม่ไหวจริงๆ เลยลองทำใช้เอง ตั้งใจทำแค่สบู่และแชมพู พอทำเสร็จเพื่อนๆ เห็นจากโพสต์ของเรา เขาก็สั่งไปให้เพื่อน ให้พ่อแม่ ให้ลูกใช้ จากไม่เคยคิดจะทำขาย พอมีเสียงรบเร้ามากๆ เข้าก็ทนไม่ไหว เลยได้ขายสบู่กับแชมพู

แล้วเพื่อนๆ มาขอให้สอนทำสบู่ด้วย จะได้เอาไปให้คนในครอบครัวใช้ และมีรุ่นน้องคนหนึ่งมาเรียนแล้วเกิดแพ้โซดาไฟ เราเลยต้องทำเจลว่านหางจระเข้มาแก้แพ้ให้น้องเขา จากที่ตอนแรกไม่เคยคิดทำสกินแคร์” คุณไก่ เล่าให้ฟัง

1 ปีแรกคุณไก่ขายสบู่กับแชมพูเป็นหลัก และต่อยอดทำเจลว่านหางจระเข้ เพื่อนำมาแก้แพ้ให้กับรุ่นน้องที่โดนฤทธิ์โซดาไฟ หลังทำเสร็จและลองใช้ก็มีคนมาทักรุ่นน้องว่าหน้าดีขึ้น ใสขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ขายดีมาก ออร์เดอร์แรกจึงขายได้มากถึง 1,000 กระปุก และเริ่มขยับขยายไลน์สินค้าตามความต้องการของลูกค้า ถึงปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 26 รายการ

“ดีใจที่สินค้าขายได้ แล้วมีคนแนะนำให้ทำอายครีม ครีมกันแดดขาย เราจบปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ได้จบวิจัยเครื่องสำอาง แต่เขาก็ไว้วางใจเพราะใช้แล้วเห็นผล

เลยลองศึกษาสูตรจากยูทูบ โรงเรียน OTOP ต.บางเจ้าฉ่า อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง และกรมการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยปรับสูตรและลดสารเคมีลง แล้วตัวแทน 70 กว่าคนก็ช่วยกันทดลองใช้ ครีมกันแดดใช้เวลาพัฒนา 2 ปี อายครีมใช้เวลา 3 ปี คลีนซิ่ง วอเตอร์ ใช้เวลา 4 ปี กว่าจะนำออกขาย” คุณไก่ อธิบายให้ฟัง

6 ผลิตภัณฑ์ขายดี

จากสินค้า 26 รายการ ซึ่งนับว่ามีจำนวนมาก คุณไก่ได้แนะนำสินค้าขายดีประจำแบรนด์ไว้ 6 รายการ ผลิตภัณฑ์ตัวแรก ได้แก่ เจลว่านหางจระเข้ ได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 4 ดาว ทำจากว่านออร์แกนิก ไม่ใส่แอลกอฮอล์ ไม่ใส่สี ไม่ใส่พาราเบน และไม่ใส่น้ำหอม ราคาซองละ 49 บาท ปริมาณ 10 กรัม แบบหลอด 90 บาท ปริมาณ 30 กรัม และแบบกระปุก 230 บาท ปริมาณ 100 กรัม

“แพ็กเกจซองเพิ่งทำหลังโควิด เพราะคนมีกำลังซื้อน้อยลง เมื่อก่อนส่งคลินิก ส่งร้านขายยาด้วยแต่หลังโควิดก็มีปิดตัวไปบ้าง เลยทำแพ็กเกจซองมาขายให้เข้ากับกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 3 พิจิตร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มาช่วยออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้ เพราะเราทุนน้อย การลงทุนที่ผ่านมาเลยไปอยู่ที่วัตถุดิบ ไม่ใช่แพ็กเกจจิ้ง” เจ้าของแบรนด์ เล่าเสริม

สำหรับสินค้าขายดีตัวที่สอง คือ สบู่เหลวน้ำมันธรรมชาติ สูตรรำข้าว และสูตรมะกอก ตัวนี้ได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาว เมื่อปี 2563 ซิกเนเจอร์คือ ไม่มีสารเคมี นอกจากโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ที่เป็นสารตั้งต้นสบู่ 

ผลิตภัณฑ์ตัวที่สาม คือ เซรั่มเพอร์เฟกต์ ได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาว และได้พัฒนาเป็น ฟิลเลอร์ เซรั่ม ช่วยยกกระชับ ทำให้ผิวแข็งแรง ราคา 1,900 บาท

ผลิตภัณฑ์ตัวที่สี่ คือ คลีนซิ่ง วอเตอร์ ใช้เวลาพัฒนานาน 4 ปี สามารถเป็นทั้งคลีนซิ่ง โทนเนอร์ และบำรุง ราคา 290 บาท ปริมาณ 130 มล. และราคา 450 บาท ปริมาณ 250 มล.

ผลิตภัณฑ์ตัวที่ห้า คือ อายครีม ใช้เวลาพัฒนา 3 ปีครึ่ง ราคา 490 บาท ปริมาณ 15 กรัม 

และ ผลิตภัณฑ์ที่กรมการพัฒนาชุมชนช่วยโปรโมตให้ คือ โลชั่นมะพร้าว ใช้เวลาพัฒนา 5 ปี มีส่วนประกอบของใบย่านาง ใบบัวบก แตงกวา ราคา 290 บาท ปริมาณ 200 กรัม 

เติบโตเพราะ OTOP 

การเดินทางของบอสซาโนวา คุณไก่ ย้ำเสมอว่า บอสซาโนวา เกิดและเติบโตมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะ OTOP ในตอนแรกที่เธอทำธุรกิจสปาควบคู่กับงานพยาบาลวิชาชีพ ทำให้เรียนรู้ว่าการทำธุรกิจเองไม่มีทางเติบโต จึงมีคนแนะนำให้เข้าร่วม OTOP จากที่มีความกลัวในช่วงแรก

“ถ้าไม่มีต้นทุน ควรเข้าร่วม OTOP เพราะเราจะได้เรียนรู้ทุกเรื่อง ทั้งการผลิต การตลาด วิสาหกิจชุมชน การส่งผลิตภัณฑ์ตรวจมาตรฐานในห้องแล็บ ทำให้ลูกค้ากล้าเปิดใจทดลองใช้แบรนด์อะไรก็ไม่รู้

มันสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มลูกค้าที่มีปัญหาสุขภาพ กลุ่มผู้สูงอายุ กล้าซื้อไปใช้ เมื่อใช้แล้วดีเขาก็กลับมาซื้อซ้ำ และซื้อจำนวนมากขึ้น โดยส่วนมากเราจะได้ออร์เดอร์จากเฟซบุ๊ก ไลน์ ช้อปปี้ และจากการออกบูธ รายได้ต่อเดือนประมาณหลักแสนบาท จำนวนนี้ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ขอย้ำเลยว่าถ้าไม่เข้า OTOP เราก็ไม่สามารถพัฒนาตัวเองมาได้ถึงทุกวันนี้”

สำหรับแผนในอนาคต คุณไก่ บอกว่า ไม่น่าจะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่เป็นการยุบบางตัวลงด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจตั้งแต่เกิดโควิดแพร่ระบาด ถึงกระนั้นก็ยังมีผลิตภัณฑ์ขายดีทั้ง 6 รายการให้เลือกซื้อ โดยสามารถสั่งซื้อได้ตามช่องทางนี้