แก้ปัญหาทำธุรกิจโดดเดี่ยว ดึงลูกค้ายังไงให้จำ ปังไม่ลืม ด้วย Collaboration Marketing

แก้ปัญหาทำธุรกิจโดดเดี่ยว ดึงลูกค้ายังไงให้จำ ปังไม่ลืม ด้วย Collaboration Marketing

มารู้จัก Collaboration Marketing หรือ Collab กัน เป็นการทำการตลาดโดยใช้การร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์ วิธีการร่วมมืออาจเป็นการสนับสนุนเงิน การสนับสนุนสิ่งของ หรือร่วมผลิตสินค้า โครงการร่วมกันเพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และสร้างชื่อเสียงร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย 

โดยการ Collab สามารถขยายฐานลูกค้า การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ สร้างพันธมิตรระหว่างธุรกิจเป็นการลงทุนกับแบรนด์อื่นๆ ที่คุ้มค่าแถมยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ของตัวเองที่จะเติบโตได้ในอนาคต

ผู้ประกอบการ หรือนักธุรกิจท่านไหนที่อยากทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังมีพันธมิตรด้านธุรกิจต้องใช้วิธี Collab เพียงแค่มองให้ขาด ทำให้ปังก็ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น สร้างผลประโยชน์เป็นอย่างดีให้กับทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ถ้าอยากรู้ว่าต้องทำยังไง วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะมาบอกวิธี Collab ยังไงให้คนจำ ปังไม่ลืม

1. เป้าหมายร่วมกันคือความต้องการของลูกค้า

การกำหนดเป้าหมายระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย โดยยึดหลักความต้องการของลูกค้าเป็นปัจจัยหลัก ควรศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเพื่อเข้าใจลูกค้า รู้จักพฤติกรรมและความต้องการของพวกเขา เพื่อช่วยในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่า และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ 

2. วิสัยทัศน์เดียวกัน

การร่วมมือกับแบรนด์ที่มีวิสัยทัศน์เหมือนหรือคล้ายกัน สามารถช่วยให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นทั้ง 2 ฝ่าย  ร่วมกับกลยุทธ์การตลาดที่ต้องการทำเพื่อลูกค้า การมีทีมที่ดีข่วยให้ประสบความสำเร็จง่ายยิ่งขึ้น

3. ได้ใหม่แต่ต้องไม่ลืมเก่า

การสร้างฐานลูกค้าใหม่ โดยไม่ทิ้งกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นวิธีที่สำคัญในการสร้างการเติบโตของธุรกิจของคุณได้ เป็นการรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 ฝ่าย อาจใช้เนื้อหาโปรโมชันรวมถึงสื่อต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเดิมได้อยู่ตลอดเวลา

4. ไม่ลืมตัวตน

ถึงแม้จะมีการ Collab ร่วมกันกับแบรนด์อื่น แต่ต้องคงเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนของแบรนด์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยทั้ง 2 บริษัทควรรักษามาตรฐานและคุณภาพของสินค้าหรือบริการในที่พวกเขามีอยู่ให้กับลูกค้า เพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเก่าที่ชื่นชอบในสินค้า และบริการโดยไม่แปลกหรือเปลี่ยนแปลงมากจนสูญเสียความเป็นตัวตนของแบรนด์

5. ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย

แสดงให้เห็นประโยชน์ที่กลุ่มลูกค้าจะได้รับจากการ Collab ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย การทำงานร่วมกันควรเป็นการทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ ไม่เพียงแต่บริษัทที่ทำการตลาดร่วมกัน แต่ยังรวมถึงลูกค้าด้วย บอกประโยชน์ให้ชัดให้จำตั้งแต่แรกเห็น เมื่อทุกฝ่ายได้รับประโยชน์จากการร่วมมือกันครั้งนี้ จะทำให้การ Collab มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

ตัวอย่างการ Collaboration Marketing

ปีโป้ X M150

การ Collab เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่โดยเป็นการผลิตสินค้าระหว่าง ปีโป้ และ M150 ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างทั้ง 2 แบรนด์ที่มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน 

ปีโป้ เจลลีที่เปิดจำหน่ายตั้งแต่ปี 2527 ระยะเวลารวม 39 ปี มีกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงวัยทำงาน ปีโป้เป็นขนมที่กินง่าย เคี้ยวสนุกไม่แปลกที่จะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน

M150 เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติไทย ขวัญใจแรงงาน เครื่องดื่มชูกำลังที่มีภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้แรงงานมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน

ทั้งสองผนึกร่วมกันออกแบบสินค้าใหม่เป็นปีโป้กลิ่น M150 ที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่แปลกใหม่ มีความทันสมัย แถมยังดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าได้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ได้อีกด้วยไม่ใช่แค่เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่เพียงเท่านั้น มันยังทำให้วัยรุ่น วัยทำงานได้กลับมาคิดถึงปีโป้ เจลลีของโปรดในวัยเด็ก การ Collab ของทั้ง 2 แบรนด์นี้สร้างทั้ง Movement, Emotional และ Experience ให้กับแบรนด์และลูกค้าอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูล สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย