เปิด 5 กลยุทธ์ รุกตลาดออนไลน์อย่างไรให้อยู่หมัด ในยุคโควิด

เปิด 5 กลยุทธ์ รุกตลาดออนไลน์อย่างไรให้อยู่หมัด ในยุคโควิด

กระแสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลับส่งผลให้กระแสอีคอมเมิร์ซมาแรงสวนทาง และมีแนวโน้มเติบโตไม่หยุดหย่อน นั่นหมายความว่าผู้ประกอบการต่างๆ จะหันมาสนใจช่องทางการค้าขายออนไลน์กันมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

สิ่งที่ผู้ประกอบการควรรับมือกับกระแสอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้คงอยู่ในกระแสและมีศักยภาพในการแข่งขันได้เท่าเทียมคู่แข่งในทุกตลาด เว็บไซต์ ธนาคารกรุงเทพ ได้เผย 5 กลยุทธ์ที่ใช้รุกตลาดออนไลน์ได้อย่างอยู่หมัด ไว้ดังนี้

  1. ระบบเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซต้องดี มีหน้าตาสวยงาม ใช้งานง่าย แบ่งหมวดหมู่สินค้าได้อย่างชัดเจน สามารถควบคุมการจัดการระบบหลังบ้านได้ง่าย ลงรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน ทั้งในส่วนของภาพถ่ายที่สวยงามและรายละเอียดการใช้งานที่ชัดเจน บนขั้นตอนการสั่งซื้อที่ไม่ยุ่งยากและมีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย รองรับการทำ SEO และติดตามสถานการณ์จัดส่งสินค้าได้ ตลอดจนฟีเจอร์อำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้เกิดการใช้งานง่าย ชัดเจนทั้งในฝั่งของผู้ขายสินค้าและผู้ที่เข้ามาซื้อสินค้า
  1. Google Ads (Google AdWords) การพึ่งพาการโฆษณาผ่าน Google Ads เพื่อให้คนเข้าถึงหรือรู้จักสินค้า ยังคงเป็นเรื่องคลาสสิกที่ใช้ได้ผลดีในการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งจะทำให้เกิดยอดผู้เข้าชมเว็บมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ผ่านการแสดงโฆษณาบนหน้าการค้นหาของ Google โดยมีช่องทางการลงโฆษณาหลักๆ คือ

– Search Network ที่จะแสดงโฆษณาแบบข้อความบนหน้าผลการค้นหาของ Google หรือเรียกกันว่า SEM (Search Engine Marketing) หรือ Pay Per Click

– Display Network ที่จะแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์อื่นๆ โดยมีทั้งข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ วิธีการนี้เหมาะสำหรับการโปรโมตเว็บไซต์หรือสินค้าให้เป็นที่รู้จัก โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้โฆษณาปรากฏที่ไหน กลุ่มเป้าหมายคือใคร และสามารถลงโฆษณาในเว็บไซต์สื่อดังๆ ได้ในราคาที่ถูกกว่าการซื้อพื้นที่โดยตรง

หมดปัญหา ลูกค้าพร้อม F แต่ไม่พร้อมโอน แก้ได้ด้วย 6 ทริก ง่ายๆ
หมดปัญหา ลูกค้าพร้อม F แต่ไม่พร้อมโอน แก้ได้ด้วย 6 ทริก ง่ายๆ
  1. SEO (Search Engine Optimization) ยังเป็นวิธีการโปรโมตสินค้าหรือเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักที่มีต้นทุนในการจัดการต่ำ ให้ผลลัพธ์ดีในระยะยาว ที่คนทำเว็บไซต์หรือขายสินค้าออนไลน์ไม่ควรมองข้าม โดยอ้างอิงฐานความนิยมในการสืบค้นข้อมูลต่างๆ ของผู้คนทั่วโลก ผ่านแถบการค้นหาของ Google จึงทำให้ SEO ยังเป็นเครื่องมือที่ไปกับการตลาดออนไลน์ได้ทุกยุคสมัย ไปจนกว่า Google จะตกอันดับจาก Search Engine เบอร์หนึ่งของโลกที่ทรงอิทธิพลระดับโลก ฉะนั้นแล้วการทำ SEO จะช่วยทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกบน Search Engine ทำให้มีคนสนใจคลิกเข้ามาดูข้อมูลภายในเว็บไซต์มากขึ้น จึงเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการ ให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ตลอดจนเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ได้ด้วย
  1. SMM (Social Media Marketing) เป็นการใช้โซเชียลมีเดียที่คนนิยมเล่นอย่าง Facebook, Instagram, Twitter, LINE เป็นสื่อกลางระหว่างเว็บไซต์หลักของธุรกิจและผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ขายสินค้าสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ทันที ซึ่งโซเชียลมีเดียเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางการติดต่อซื้อขายเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางสำหรับโปรโมตสินค้า และให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับสินค้า รวมถึงการเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์หลัก ซึ่งมีส่วนช่วยให้ติดอันดับบน SEO ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย SMM จึงเป็นกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย ในต้นทุนการจัดการที่ต่ำกว่าช่องทางอื่น
  1. Content Marketing เป็นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าต่อแบรนด์และลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยอาจสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ผ่านเนื้อหาที่หลากหลายรูปแบบ เช่น บทความสั้น-ยาว, อินโฟกราฟิก, คลิปวิดีโอ, ไฟล์เสียง Podcast เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามารับชมรับฟังและมีคุณค่า สร้างความประทับใจในตัวสินค้าหรือบริการ ผ่านการนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์บริการที่มี ซึ่งจะไปช่วยสนับสนุนการทำ SEO ได้ด้วย