3 โหราพยากรณ์ ผ่าดวงเมืองปี’62 การเมืองระส่ำ-ศก.น่าห่วง

3 โหราพยากรณ์ ผ่าดวงเมืองปี’62 การเมืองระส่ำ-ศก.น่าห่วง

ปีเก่ากำลังจะเคลื่อนผ่านไป ปีใหม่ก็ใกล้เข้ามา ภาพนักโหราศาสตร์กางตำรา ออกโรงทำนายดวงเมืองปีหน้า คุ้นชินสายตาชาวไทยเป็นอย่างดี

ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ผู้ศึกษาผ่าน “ดวงดาว” ระบุว่า ขณะนี้ดาวพฤหัสบดีโคจรอยู่ตรงราศีพิจิก เป็นเรือนชะตาที่ 8 ของดวงเมือง อยู่ภายใต้มรณภพ ซึ่งมรณะแปลว่าแปรสภาพ การตาย หรือพลัดพราก ดังนั้น กิจการที่เกี่ยวกับดาวพฤหัสจะเป็นปัญหา อาทิ กิจการด้านศาสนา การศึกษา การแพทย์ รวมถึงกฎหมาย จะเกิดการแก้ไขปรับปรุง แง่หนึ่งคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญา โดยพระพฤหัสบดีจะอยู่ตรงราศีพิจิกถึงวันที่ 30 ต.ค.2562 ก่อนจะย้ายไปราศีธนู ดังนั้น หลังวันที่ 30 ต.ค.2562 เป็นต้นไป กิจการเหล่านี้จะมีทิศทางดีขึ้น

ที่สำคัญคือ ดวงเมืองในราศีธนู มีพระพฤหัสและพระเสาร์ผูกกันอยู่บนท้องฟ้า ทำให้ในปี 2562 ต่อเนื่อง 2563 ดาวคู่นี้จะจรไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งดาวคู่ดังกล่าวเป็นดาวคู่แห่งการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ประเทศไทยจะก้าวไปสู่ยุคใหม่ที่ไม่เคยเป็น

“ดาวพฤหัสให้คุณ แปลว่าน่าจะดี แต่ดาวเสาร์เป็นปัญหา มีเรื่องไม่ดีด้วย ดังนั้น การเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่มีสิ่งที่ดีคือได้เจอของใหม่ สิ่งที่ไม่เคยใช้ ไม่เคยเป็น ก็จะได้เจอ ได้ใช้ได้เป็น ได้ปฏิบัติ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเริ่มในปี 2562 แต่จะเห็นผลชัดเจนในปี 2563 อย่าลืมว่าสิ่งที่พึงระวังคือ ‘ของเก่า’ คือสิ่งที่มีอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลง ทำลาย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่

“ดาวมฤตยูโคจรอยู่ตรงราศีเมษ ทับลัคนาเมือง แถมยังมีกำหนดอยู่ไปถึงปี 2565 อันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงและการสูญเสียเรื่อยมา อย่างไรก็ตาม ดาวมฤตยูจะกลับมาทับพระอาทิตย์ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนการเลือกตั้งเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องของ ‘ผู้นำ’ ฉะนั้น ผู้นำต้องพึงระวัง เพราะอาจเกิดปัญหาหรืออุปสรรคที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ โดยอิทธิพลของดาวมฤตยูในราศีเมษจะคงอยู่ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2565 ก่อนจะเปลี่ยนไปสู่ราศีพฤษภ เข้าสู่เรือนชะตาที่ 2 หมายถึงเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง เมื่อนั้นค่อยว่ากันอีกที”

นอกจากนี้ ภิญโญยังกล่าวถึง “พระราหู” ซึ่งกำลังโคจรอยู่ตรงราศีกรกฎ ภายใต้เรือนชะตาที่ 4 “พันธุ”หมายถึงครัวเรือน ประชาชน การดำเนินชีวิตของคน โดยพระราหูเกิดไปทับพระจันทร์หรือดวงจันทร์ ซึ่งเป็นดวงกำเนิดของดวงเมือง ซึ่งพระจันทร์หมายถึงประชาชนทั่วไป เรื่องจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก สตรี เด็ก โหราศาสตร์ระบุว่า เมื่อราหูทับจันทร์จะเกิดเป็น “คู่หนี้สิน” และ “คู่สมพงศ์”

“คู่หนี้สิน” หมายถึง การดำรงชีวิตของคนมีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องครัวเรือน คนจะเป็นหนี้ครัวเรือนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีหนี้สาธารณะมหึมา เกิดปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะการกู้หนี้สินมาทับกัน ส่วน “คู่สมพงศ์” หมายถึงการต่อสู้และให้กำลัง ภายใต้ปัญหาการดำเนินชีวิตต้องใช้พลังหรือกำลังบางอย่าง เช่น ความเพียรพยายาม ความต่อสู้อดทน

“ทุกอย่างผ่านไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราหูจะย้ายจากราศีกรกฎเข้าราศีมิถุน ซึ่งเป็นราศีธาตุลม ชั้น 3 ในวันที่ 22 ก.พ.2562 รวมกับราหูที่เป็นพระเคราะห์ธาตุลม ซึ่ง ‘ลม’ แสดงถึงการติดต่อสัมพันธ์ การเคลื่อนไหว เกี่ยวข้องกับการคมนาคม ถนนหนทาง การติดต่อสื่อสารทั้งทางบก เรือ และอากาศ จะเกิดการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลง เป็นไปได้ว่าจะเกิดถนนหนทางมากขึ้น มีเรื่องรถไฟ รถไฟฟ้า ถนนที่เชื่อมต่อดินแดนต่างๆ ภายในประเทศและเพื่อนบ้าน รวมถึงอาจมีการสร้างท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นหลายแห่ง การเดินทางทางน้ำ ทางเรือน่าจะได้รับการพัฒนา เอาใจใส่มากกว่าเดิม”

ภิญโญกล่าวว่า ราหูเป็นตัวแทนของประเทศ “ด้านตะวันออก” โดยเฉพาะจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ชนชาติเหล่านี้จะเข้ามามีอิทธิพลกับการคมนาคม การติดต่อสื่อสารทางบก อากาศ รวมถึงทางเรือ ส่วนราศีธนูที่มีดาวพฤหัสและดาวเสาร์ ซึ่งเป็นพระเคราะห์ใหญ่สถิตอยู่ทั้งในดวงเดิมและดวงจร มุมนี้เรียกว่ามุมเล็ง หมายถึง “ดึง”และ “ดัน” กัน จะเกิดอาการดึงกันระหว่างกลุ่มทุน 2-3 กลุ่ม เนื่องจากดาวพฤหัสหมายถึง “ชาติตะวันตก”อาทิ ยุโรป สหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการเผชิญหน้า ท้าทาย ต่อรอง โดยประเทศไทยเป็นพื้นที่หนึ่งบนโลกที่ดาวทั้ง 2 กลุ่มนี้มาดึงและดันกัน ทำให้ปี 2562 ต่อเนื่อง 2563 ด้านการต่างประเทศ การทูต โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจจะต้องรอบคอบว่าจะเดินหมากแบบไหน

อีกหนึ่งโหราจารย์ทำนายดวงเมืองชื่อดัง ผู้ร่วมเขียน “ศาสตร์แห่งโหร” แห่งสำนักพิมพ์มติชน โสรัจจะ นวลอยู่ เจ้าของฉายา “นอสตราดามุสเมืองไทย” ถอดดวงวิเคราะห์ดาวว่า ปีนี้มีดาวที่เล็งลัคนา (ลั) เมือง ได้แก่ ดาวพฤหัส (๕) ได้ย้ายออกเมื่อ ต.ค.2561 เข้าสู่ราศีพิจิก ไปอยู่ใน ภพมรณะของดวงเมือง และจะอยู่ต่อไปเกือบปี โดยมีการเดินที่ผิดปกติ เร็วไปบ้าง ถอยกลับมาที่เดิมบ้าง

“เวลาดาวพฤหัสไปเป็นมรณะของบ้านเมือง จะเกี่ยวข้องกับหลายเรื่องโดยเฉพาะการเมือง ประกอบกับดาวมฤตยูที่สถิตอยู่ราศีเมษทำมุมในทางที่ไม่ดี ส่งผลให้มีเหตุการณ์ทางการเมือง การปกครองบางอย่างเกิดขึ้น โดยในภาพรวมจะเกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งจากการเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลง และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย โดยไม่สามารถตกลงกันได้ อีกนัยเรียกได้ว่าสามารถเกิดจากปัจจัยอะไรก็ได้ ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลทั่วไปร้อนทางด้านอารมณ์และความเป็นอยู่ไปด้วย”

ส่วนช่วงเวลาที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ โสรัจจะแบ่งไทม์ไลน์เป็นต้นปี-กลางปี-ปลายปี ดังนี้ 22 ก.พ.2562 ดาวราหู (๘) จะย้ายจากราศีกรกฎเข้าสู่ราศีเมถุนในลักษณะ “ทำมุมหักศอก” ช่วงนี้จะเกิดการแตกแยก เกิดความชุลมุนวุ่นวายจากกลุ่มคนจำนวนมาก ตกลงกันค่อนข้างลำบาก หรืออาจเกิดสิ่งที่ไม่ดีขึ้น เช่น หาเรื่อง หักหลังกัน อะไรที่เคยตกลงกันไว้ก็จะเริ่มแปรเปลี่ยนไป

จากนั้นในวันที่ 3 มี.ค.2562 ดาวพฤหัสจะเดินเร็วผิดปกติ จากราศีพิจิกก็ย้ายเข้าราศีธนู และในวันที่ 25 พ.ค.2562 จะเกิดการชุลมุนของดวงดาว เนื่องจากดาวอังคาร (๓) ย้ายจากราศีพฤษภมาทับราหู ขณะที่ดาวพฤหัสก็ย้ายกลับมาอยู่ราศีพิจิกพอดี เกิดการทำมุมหักศอกกับดวงเมือง ซึ่งเป็นมุมที่ร้ายแรงพอสมควร ส่วนช่วงปลายปี ในวันที่ 3 ต.ค.2562 ดาวพฤหัสจะย้ายออกจากราศีพิจิกเข้าราศีธนู แล้วจะไม่เดินกลับมาอีกยาวนาน

“เดือนพฤษภาคมจึงเป็นช่วงที่ร้อนแรงที่สุด แต่เดือนกุมภาพันธ์ก็ไม่เบา เพราะตั้งแต่ 22 ก.พ.2562 จะเริ่มก่อเค้าบางอย่าง สถานการณ์เริ่มตึงและจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ หลังการเลือกตั้งจะส่อเค้าวุ่นวาย โดยจะตกลงอะไรกันบางอย่างค่อนข้างยาก นำมาสู่ความขัดแย้ง ขออย่าประมาท อย่าใช้อารมณ์ พยายามหันหน้าเข้าหากัน”

พร้อมวิเคราะห์ถึงการเมืองจากภายนอกด้วยว่า ปีหน้าการเมืองต่างประเทศจะมีความวุ่นวายพอสมควร แต่ประเทศไทยน่าเป็นห่วงกว่า เพราะประเทศใหญ่ๆ อาจเข้ามามีส่วนกับการเมืองด้วย ทั้งการคอยสอดส่อง ให้ความคิดเห็น ซึ่งอาจส่งผลกระทบไปในทางขัดแย้งด้านความคิด พร้อมฝากถึงนายกฯที่จะเข้ามาในปีหน้าด้วยว่า “ต้องไม่ประมาทและอย่าใจร้อน” ไม่ควรตัดสินใจแบบฉับพลัน ควรมีการพูดจากันในหลายฝ่าย ต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับ รวมถึงผู้บริหารประเทศตำแหน่งอื่นๆ ก็ต้องใช้ความพยายามและความสามารถที่สูงกว่าทุกปีด้วย ส่วนภาคประชาชนเองก็ควรใจเย็นๆ ต้องรักและสามัคคีกัน พยายามอย่าแตกหักโดยเฉพาะทางความคิด

“เมื่อดูจากดวงดาวในปี 2562 แล้วน่าหนักใจ อยากให้ทำบุญเยอะๆ ตามความสามารถ ถ้ามีการทำบุญระดับประเทศด้วยก็จะดี เพราะแรงบุญจะมีส่วนช่วยอย่างมากให้สถานการณ์บ้านเมืองคลายลงไป จากการแตกแยกก็อาจจะกลายมาเป็นนั่งคุย” โสรัจจะทิ้งท้าย

สอดคล้องกับการผูกดวงของ บุศรินทร์ ปัทมาคม โหรชื่อดัง เจ้าของโรงเรียนโหราศาสตร์ ร่วมฉายภาพการเมืองปีหน้าว่า “อยู่ในเกณฑ์ดวงตกหรือมีเคราะห์”

ดวงเมืองระหว่างวันที่ 7 ต.ค.2561 ถึง 30 ต.ค.2562 ดาวพฤหัส (๕) จะโคจรเดินหน้าและถอยหลังอยู่ในเรือนมรณะของดวงเมือง เป็นสัญลักษณ์ให้อ่านได้ว่า “ดวงเมืองกำลังชะตาตกหรือมีเคราะห์” สถานการณ์บ้านเมืองจะไม่สงบ โดยดาวพฤหัส (๕) จะโคจรไปอยู่ในเรือนมรณะ 2 ช่วงเวลา คือ 1.ระหว่างวันที่ 7 ต.ค.2561-12 มี.ค.2562 และ 2.ระหว่างวันที่ 25 พ.ค-30 ต.ค.2562 สองช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาดวงตก เนื่องจากดาวพระเคราะห์ดวงใหญ่ หรือดาวพระเคราะห์หลักโคจรวิปริต คือเดินหน้าแล้วถอยหลังกลับเข้าไปในเรือนมรณะอีกครั้ง

“โหราศาสตร์เป็นวิชาการทำนายอนาคตโดยการเทียบเคียงกับสถิติที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว การที่ดาวพฤหัส (๕) โคจรเข้าเรือนมรณะของดวงเมืองเช่นนี้ ตามสถิติที่เคยเกิดมาแล้วคือมักจะเกิดเหตุร้าย จึงขอทำนายว่าบรรยากาศทางสังคมน่าจะเกิดเศรษฐกิจตกต่ำลงไปอีก การเลือกตั้งน่าเป็นห่วงว่าจะไม่สงบหรือไม่เรียบร้อย ประชาชนจะต่อต้านรัฐบาล หนักไปจนถึงอาจมีการประท้วงหรือถึงขั้นปฏิวัติเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะให้จับตาในช่วงที่ดวงจะตกมากที่สุดคือระหว่างวันที่ 14 มี.ค.-13 เม.ย.2562 เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลจะต้องระมัดระวังตัวอย่างมากที่สุด”

ที่น่าสนใจคือประเด็น “เลือกตั้ง” ทั้งภิญโญและบุศรินทร์กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า มีแน่นอน แต่จะมีปัญหา โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้งซึ่งดวงเมืองจะตกแบบแย่ที่สุด นายกฯที่จะเข้ามาในช่วงดังกล่าวเสมือนต้องรับเคราะห์ตามดวงเมืองไปด้วย จึงต้องหนักแน่น สุขุม และค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ จะทำอะไรใจร้อนหรือกล้าได้กล้าเสียเกินไปไม่ได้

ภิญโญฝากไว้ 3 ประเด็นคือ 1.ก่อนเลือกตั้ง มีอุปราคาเกิดขึ้น 2 ครั้ง โดยเฉพาะเดือนมกราคมอาจมีเหตุการณ์สำคัญที่ไม่ค่อยดี 2.ช่วงเลือกตั้ง ดาวพุธกำลังเปลี่ยนวิถี จากโคจรเดินหน้าเป็นโคจรถอยหลัง หยุดนิ่งแล้วถอยหลัง โดยพระพุธเป็นเรื่องการสื่อสาร เอกสาร อาจเกิดข่าวคราวที่โจษขานเรื่องความไม่ปกติ ไม่เป็นธรรม มีการร้องเรียนจำนวนมาก สุดท้าย คือการจัดตั้งรัฐบาลและการสรรหานายกฯน่าจะเป็นปัญหาอย่างรุนแรง เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นตอนราหูกุมอังคาร กุมอาทิตย์ และเสาร์เล็ง ดาวเหล่านี้บอกเรื่องอุบัติเหตุ การเผชิญหน้า การท้าทาย

ดังนั้น ควรเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม มิเช่นนั้นจะนำปัญหามาสู่ประเทศชาติ ส่งผลต่อเนื่องไปถึงการฟอร์มรัฐบาลและการสรรหานายกฯ

ขณะที่บุศรินทร์พยากรณ์เหตุการณ์ภายหลังการเลือกตั้ง ก่อนวันเกิดดวงเมือง หรือก่อน 21 เม.ย.2562 ว่า จังหวะชีวิตของดวงเมืองอายุย่าง 237 ปี ดาวจันทร์ (๒) เป็นบริวารจร และมีดาวอาทิตย์ (๑) ซึ่งเป็นบริวารเดิม กลับกลายเป็นกาลกิณีจร ให้ทำนายว่าประชาชนพร้อมที่จะเป็นศัตรูต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น ต้องระวังเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 13-21 เม.ย.2562 หลังจากการเลือกตั้งแล้ว เหตุการณ์ไม่สงบก็น่าจะเกิดขึ้นได้มาก

“ช่วงต้นปีและกลางปีจะแย่หรือวุ่นวายมากที่สุด สังคมไทยไม่สงบ โดยเฉพาะต้นปีจะแย่ที่สุด ต่างชาติจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและดูถูกดูแคลนประเทศไทย ประชาชนไทยจะประท้วงและต่อต้านรัฐบาล ช่วงเวลาที่น่าจับตามองที่สุดเห็นจะเป็นระหว่างวันที่ 14 มี.ค.-21 เม.ย.2562 โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 13-21 เม.ย.2562 บรรยากาศบ้านเมืองจะไม่ดี เศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลจะปกครองยากเนื่องจากประชาชนต่อต้าน ส่วนกลางปีจะแย่ในระดับปานกลาง หลังจากนั้นปลายปีนับจากวันที่ 30 ต.ค.เป็นต้นไป บ้านเมืองจะสงบร่มเย็นหรือดีขึ้นกว่าช่วงต้นปีและกลางปีอย่างแน่นอน” บุศรินทร์กล่าว

ในช่วงจังหวะที่ดวงเมืองตกเช่นนี้ บุศรินทร์แนะนำว่า ประชาชนควรอยู่ในฐานะผู้ดูและผู้ติดตามข่าวด้วยดี ดูให้สนุกและมีความสุขกับข่าวสาร แม้จะมีการแตกแยกของคนสองกลุ่มเกิดขึ้นก็ไม่ควรยุ่งกับฝ่ายใดทั้งสิ้น เพียงแต่เอาใจช่วยฝ่ายที่ทำถูกเท่านั้น