ว้าว! อันซีนริมโขง หนาวนี้เที่ยวชมแปลงกะหล่ำ สร้างรายได้ โกยเงินอื้อ

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้สภาพอากาศยังคงหนาวเย็นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเช้าพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ประมาณ 15 -18 องศาเซลเซียส ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ยังเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวฤดูหนาว รวมถึงอาชีพเกษตรพอเพียง ของเกษตรกรริมฝั่งแม่น้ำโขง เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ในพื้นที่ชายแดน ริมน้ำโขง เขตพื้นที่ อ.เมือง ยาวไปถึง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นับเป็นพื้นที่ทำเลทอง ที่เกษตรกร จะหันมายึดแนวทางพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ปรับพื้นที่ริมแม่น้ำโขง รวมกว่า 10,000 ไร่ ทำการเพาะปลูก พืชผักสวนครัว นานาชนิด ทั้ง คะน้า กะหล่ำ ต้นหอม ผักสลัด ผักกาดขาว เพื่อส่งขายสู่ตลาด ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.นครพนม กลายเป็นสถานที่อันซีน นอกจากจะได้ท่องเที่ยวชมความสวยงามทางธรรมชาติสองฝั่งโขง ยังเป็นพื้นที่ทำเลทอง อันซีนอีกแห่งที่น่าสนใจ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ทำให้ในช่วงฤดูหนาว มีประชาชน นักท่องเที่ยว ให้ความสนใจ เดินทางมาชื่นชมความสวยงาม ของพื้นที่การเกษตร รวมถึงศึกษาเส้นทางอาชีพเกษตรพอเพียงของเกษตรกร ในพื้นที่อีกด้วย

เช่นเดียวกันกับชาวบ้านในพื้นที่ บ้านบึงหล่ม ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม ในช่วงนี้หลังอากาศเริ่มหนาว ชาวบ้านส่วนใหญ่จะหันมาทำอาชีพเกษตรพอเพียงปลูกผักขาย ตามริมแม่น้ำโขง กลายเป็นพื้นที่อันซีน ด้วยเช่นกัน นอกจากชาวบ้านเกษตรกรจะได้อาชีพทำการเกษตรปลูกผัก สร้างรายได้ ยังเป็นพื้นที่ทำการเกษตรเชิงอนุรักษ์ ที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ สามารถมองเห็นแปลงผักการเกษตร ที่มีความสวยงาม อุดมสมบูรณ์ ท่ามกลางธรรมชาติสองฝั่งโขง เหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อน ศึกษาอาชีพเกษตรพอเพียงอีกด้วย โดยเฉพาะปีนี้กะหล่ำปลี เกษตรกรจะปลูกมากขึ้น เพราะมีราคาสูง บวกกับช่วงนี้สภาพอากาศเอื้อต่อการปลูก อากาศหนาว ทำให้ต้นกะหล่ำปลีโตเร็ว และมีราคาแพง ใช้ระยะเวลาปลูกแค่ประมาณ 60-70 วัน สามารถเก็บผลผลิตได้ ขายได้ราคาไร่ละไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท

ด้าน นายวีระ ชัยสอน อายุ 53 ปี เกษตรกรชาวบ้านบึงหล่ม ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม เปิดเผยว่า ในปีนี้เกษตรกรริมแม่น้ำโขงที่ยึดอาชีพเกษตรพอเพียงปลูกผักขาย มีรายได้มากขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศหนาวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อพืชผักโตเร็ว โดยเฉพาะสวนกะหล่ำปลีของเกษตรกร หลังอากาศหนาวทำให้โตเร็ว ใช้เวลาแค่ประมาณ 60-70 วัน หรือประมาณแค่ 2 เดือน สามารถเก็บผลผลิตขายได้แล้ว ยิ่งปีนี้พื้นที่อื่นปลูกยากทำให้ราคาแพง ตกกิโลกรัมละประมาณ 15 บาท พื้นที่ 1 ไร่จะเก็บผลผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 1 ตัน ขายได้ประมาณไร่ละ 1 แสนบาท ถือเป็นโอกาสดีของเกษตรกรทำสวนกะหล่ำ ซึ่งข้อดีของพื้นที่ริมโขงมีดินตะกอนน้ำโขง ทำให้พืชผักโตเร็ว ไม่ต้องใช้สารเคมี ปลอดสารพิษ ยิ่งช่วงนี้มีออร์เดอร์สั่งซื้อไม่อั้น ยาวไปถึงปีใหม่ ตรุษจีน เป็นโอกาสทองของเกษตรกร ใครขยันปลูกมาก สร้างรายได้ปีละหลายแสนบาท ถือเป็นอาชีพเกษตรพอเพียงที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี