เครื่องสำอางยังขายดี บิวตี้บุฟเฟต์ ลุยขยายทุกช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ บิวตี้ ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางในช่วงครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตได้ดี ซึ่งนอกจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจนี้ด้วย โดยที่ผ่านมาสินค้าทุกแบรนด์ของบิวตี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นทำให้เป็นโอกาสการขายของบิวตี้ค่อนข้างชัดเจน

ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด บริษัทเตรียมแผนขยายสาขาของทุกช็อปแบรนด์ โดยเน้นหัวเมืองท่องเที่ยวต่างจังหวัด และขยายช่องทางการขายอื่นๆ เพื่อรองรับกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวทั้งจีนและประเทศอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ทุบสถิติเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 3,100 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2560 มีรายได้รวม 887.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 588.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 273.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.9% ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 138.72 ล้านบาท

โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม และการขยายช่องทางการจำหน่ายทุกรูปแบบ ทั้งเพิ่มสาขาในประเทศและต่างประเทศ ช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และช่องทางออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ

โดยปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 334 สาขา แบ่งเป็น บิวตี้ บุฟเฟต์ (BEAUTY BUFFET) 252 สาขา บิวตี้ คอทเทจ (BEAUTY COTTAGE) 71 สาขา บิวตี้ มาร์เก็ต (BEAUTY MARKET) 11 สาขา อีกทั้งยังมีจุดขายที่ คิง เพาเวอร์ 8 สาขา รวม 22 จุดจำหน่าย และวางจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น อีก 1,330 สาขา

ส่วนแผนรุกตลาดต่างประเทศ ขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ล่าสุดมีนโยบายปรับพื้นที่การวางจำหน่ายเพื่อให้ได้ทำเลที่มีศักยภาพ ทำให้จำนวนสาขาที่เป็นร้านค้าปลีกอิสระ มีทั้งสิ้น 16 สาขาในประเทศเวียดนาม และมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายใน เมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ในเมียนมา แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้ว ส่วนลาวและกัมพูชา คาดว่าจะแต่งตั้งภายในไตรมาส 1 ปี 2561

นอกจากนี้ ยังมีในประเทศฟิลิปปินส์ ครึ่งปีหลังมีแผนการขยายเพิ่มอีก 5 สาขา จาก 2 สาขาในปัจจุบัน สำหรับสาขารูปแบบ ช็อปอินช็อป ปัจจุบันมีใน 3 ประเทศ รวม 131 สาขา ประกอบด้วย ฮ่องกง 93 สาขา อินโดนีเซีย 19 สาขา ไต้หวัน 19 สาขา ซึ่งทุกสาขาได้การตอบรับดี โดยที่บริษัทยังมีการจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เพื่อแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย