“น้องไบรท์” เผยนาทีเจอหน้า “พี่ยุทธ” ตัดผมเกรียน สวมชุดนักโทษ บ่นเป็นห่วงแม่

จากกรณี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดังและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด จำเลยในคดียักยอกเงินค่าโฆษณารายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อสมท. มูลค่ากว่า 138 ล้านบาท โดยศาลตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือน หลังเมื่อคืนนี้เป็นคืนแรกที่นายสรยุทธ ต้องนอนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครนั้น

นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายสรยุทธ ทราบว่ามีความวิตกกังวลและอาการเครียดเล็กน้อย ซึ่งตั้งแต่เช้าวันนี้ นายสรยุทธก็จะเข้าสู่กระบวนการกิจกรรมของผู้ต้องขังปกติทั่วไป ในแดนแรกรับ เช่น เข้าแถว สวดมนต์ เคารพธงชาติ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสามารถปรับตัวในการอยู่ในเรือนจำได้ ไม่คิดฟุ้งซ่าน ซึ่งขณะนี้พบว่าเริ่มปรับตัวได้ดี เมื่อคืนได้จัดให้นายสรยุทธนอนรวมกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ซึ่งในนั้นก็มีผู้ต้องขังที่เป็นนักการเมืองรวมอยู่ด้วย อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง โดยก่อนนอนได้ขออ่านหนังสือธรรมะ

ทั้งนี้หากยังไม่มีการยื่นประกันตัวภายใน 15 วันก็จะจำแนกไปยังแดนอื่นๆ ของเรือนจำ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ อายุ การฝึกวิชาชีพ รวมถึงพฤติกรรมของผู้ต้องขัง สำหรับการกำหนดเยี่ยมนั้นได้กำหนดให้ญาติเยี่ยมได้ ครั้งละ 10 คน ไม่เกิน 15 นาที 1 วันสามารถเยี่ยมได้เพียง 1 รอบเท่านั้น ส่วนทนายความสามารถเข้าพบเพื่อปรึกษาคดีได้ตลอดในเวลาราชการ

ด้านน้องไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ผู้ดำเนินรายการร่วม ได้เปิดใจหลังเดินทางเข้าเยี่ยมนายสรยุทธด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ซึ่งเป็นการพบหน้าครั้งแรกหลังพิธีกรดังต้องใช้ชีวิตในเรือนจำว่า ได้พบนายสรยุทธที่ห้องเยี่ยมญาติ ซึ่งล่าสุดถูกตัดผมสั้นทรงนักเรียน โดยรวมกำลังใจดี เมื่อสอบถามความเป็นอยู่ นายสรยุทธระบุว่าคืนแรกนอนไม่ค่อยหลับ เพราะแปลกที่แปลกถิ่น ซึ่งจากนี้ต้องปรับตัว ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ต้องอยู่ให้ได้

พร้อมกันนี้นายสรยุทธยังกล่าวอีกว่า ถ้ามองในแง่ดี เข้ามาหาบทเรียนชีวิต ได้คุยกับคน มีหลายเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะหนี เพราะถ้าหนีก็ต้องหนีตลอดชีวิต คนไทยในเมืองนอกก็รู้จักอยู่ดี ที่ชีวิตที่เหลือต้องซ่อนตัวตลอดชีวิต ถ้าอยู่ในเรือนจำมันยังมีจุดสิ้นสุด อยู่ลำบากแต่ก็ต้องค่อยๆ ปรับตัว อย่างไรก็ตามได้คิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว ถ้าไปถึงจุดนั้นจริงๆ ก็ต้องอยู่ให้ได้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป แต่ทั้งนี้รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของคุณแม่ที่อายุมากและป่วยหนัก และกลัวว่าจะไม่ทันได้ออกมาดูคุณแม่ พร้อมทิ้งท้ายว่า “ไม่ต้องห่วง พี่อยู่ได้”