ผู้เขียน | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่ตกค้างจากการถูกหลอกลวงให้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เบื้องต้นจัดพื้นที่ให้นั่งพักคอยและประสานสถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและกองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว มารับคำร้องทุกข์และช่วยเหลือทางคดีให้กับผู้เสียหาย
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้โดยสารจำนวน 1,000 – 1,500 คน เดินทางมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ในช่วงเวลา 19.00 น. – 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (11 เมษายน 2560) โดยผู้โดยสารดังกล่าวได้ให้ข้อมูลในเบื้องต้นแก่เจ้าหน้าที่ ทสภ.ว่าได้ร่วมลงทุนกับบริษัทแห่งหนึ่งโดยบริษัทมีนโยบายในการนำผู้ลงทุนไปเที่ยวต่างประเทศเช่นประเทศญี่ปุ่น และผู้โดยสารถูกนัดหมายให้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในคืนนี้ แต่เมื่อเดินทางมาถึง ทสภ.กลับไม่พบบุคคลที่จะพาไปเที่ยว จึงทราบว่าตนถูกหลอก กรณีดังกล่าวทำให้ในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมามีผู้โดยสารมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดความแออัดบริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ในส่วนของเคาน์เตอร์เช็คอินตั้งแต่ Row A จนถึง Row J ในเบื้องต้น ทสภ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทสภ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกพาผู้โดยสารกลุ่มนี้ไปพักรอที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 แทน เพื่อลดความแออัดของห้องโถงผู้โดยสารขาออก จะได้ไม่กีดขวางการใช้บริการของผู้โดยสารที่มีเที่ยวบินปกติ พร้อมทั้งให้การดูแลแจกจ่ายน้ำดื่มให้กับผู้โดยสาร และจัดจุดอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่บริเวณ ประตู 2 ชั้น 2 หน้าทางออก Exit A โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งยังได้จัดรถบัสเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง บริเวณประตู 3 ชั้น 2 อีกด้วย สำหรับข้อเท็จจริงของกรณีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการสอบสวนของสถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและกำชับให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ได้รับความเสียหายอย่างเต็มที่
ต่อมาเวลาประมาณ 23.30 น. ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวได้เริ่มทยอยกลับ คงเหลือเพียงผู้โดยสารเพียงเล็กน้อยที่รอญาติมารับหรือกำลังเดินทางกลับด้วยระบบการขนส่งสาธารณะต่อไป
จากการเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก ทสภ. จึงต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ขอความกรุณาให้ผู้โดยสารทุกท่านเผื่อเวลาในการเดินมาถึง ทสภ. ล่วงหน้าก่อนเวลาเดินทางอย่างน้อย 3 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ และ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน และหากผู้โดยสารต้องการตรวจสอบเที่ยวบินที่จะเดินทาง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ AOT Contact Center โทร. 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 12 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เมื่อคืนวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา มีประชาชนกว่า 2,000 คน ที่ถูกหลอกขายอาหารเสริมและทัวร์ญี่ปุ่น ตกค้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เท่าที่ได้รับรายงานมีผู้เสียหายที่ได้เข้าแจ้งความอย่างเป็นทางการแล้วจำนวน 470 คน และเชื่อว่าจะมีจำนวนมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจท่องเที่ยวกำลังดำเนินการรับร้องเรียนอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเป็นแม่งานในการดำเนินคดีทั้งหมด อย่างไรก็ตามในเวลา 13:00 น. ตนจะได้แถลงข่าวที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
“สำหรับกรณีนี้อาจจะเข้าข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่ และยังพบอีกว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้ยื่นขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว”
ขณะนี้ทางตำรวจกองปราบ เป็นแม่งานในการดำเนินคดี ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดูแลนักท่องเที่ยว ในผลประโยชน์หรือสิ่งที่นักท่องเที่ยวควรได้รับ ซึ่งมาตรการของกระทรวงการท่องเที่ยวคือการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้รู้เท่าทันพวกขบวนการดังกล่าว โดยเฉพาะแพ็คเกจทัวร์ที่ต่ำกว่าทุนนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จึงขอให้ประชาชนได้มีความระมัดระวังและ ซื้อแพ็คเกจทัวร์ที่บริษัททัวร์ซึ่งจดทะเบียนกับกระทรวงการท่องเที่ยวเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีบริษัททิ้งลูกทัวร์
ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า เท่าที่ทราบจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภครายงานว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนขายตรงกับทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคและในเวลา 10:00 น.ของวันเดียวกันนี้ตนจะได้หารือ กับผู้บริหารสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางดำเนินการจัดการกับกรณีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเพจของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ได้เผยแพร่คำชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า ชี้แจงกรณีสมาชิกบริษัท WealthEver ถูกหลอกซื้อทัวร์ญี่ปุ่น
ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ในขณะนี้ กรณีสมาชิกของบริษัทแห่งหนึ่ง ซื้อทัวร์และเดินทางด้วยเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำเพื่อไปท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 11 ถึง 16 เมษายน 2560 ในราคาคนละ 13,130 บาท และได้จ่ายเงินซื้อทัวร์ ดังกล่าวไปแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเดินทาง ปรากฏว่าไม่มีเที่ยวบินเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ทำให้กลุ่มสมาชิกที่ซื้อทัวร์ตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นจำนวนมาก และจากกรณีดังกล่าว มีการกล่าวอ้างว่าบริษัท ได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงกับทาง สคบ. นั้น
กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรง ไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ. แต่อย่างใด อีกทั้งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ซึ่งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ประกอบธุรกิจขายตรงได้