ฮิตมาก! ศรีจันทร์-Cathy Doll เครื่องสำอางไทย ไม่แพ้แบรนด์เกาหลี-จีน คนญี่ปุ่นบอกเอง สีสวย ติดทน ราคาย่อมเยา

ฮิตมาก! ศรีจันทร์-Cathy Doll เครื่องสำอางไทย ไม่แพ้แบรนด์เกาหลี-จีน คนญี่ปุ่นบอกเอง สีสวย ติดทน ราคาย่อมเยา
ฮิตมาก! ศรีจันทร์-Cathy Doll เครื่องสำอางไทย ไม่แพ้แบรนด์เกาหลี-จีน คนญี่ปุ่นบอกเอง สีสวย ติดทน ราคาย่อมเยา

ฮิตมาก! ศรีจันทร์-Cathy Doll เครื่องสำอางไทย ไม่แพ้แบรนด์เกาหลี-จีน คนญี่ปุ่นบอกเอง สีสวย ติดทน ราคาย่อมเยา

บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยกำลังรุดหน้าบุกตลาดญี่ปุ่นและตลาดในประเทศอาเซียน ชูราคาย่อมเยาและคุณสมบัติพิเศษติดทนนาน สู้กับแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีใต้และจีน โดยบริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของประเทศไทยได้ร่วมทุนกับบริษัท Marubeni Corporation ของญี่ปุ่นเพื่อขยายตลาดส่งออก

ผู้บริโภคญี่ปุ่นที่ชื่นชอบแบรนด์เครื่องสำอางไทย Cathy Doll ให้ความเห็นว่า “เครื่องสำอางไทยสีสวยสด แพ็กเกจน่ารัก ราคาย่อมเยา และคุณภาพดี”

แบรนด์ Cathy Doll เป็นแบรนด์เครื่องสำอางหลักของบริษัทคาร์มาร์ท วางจำหน่ายกว่า 10 ประเทศ และเริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นในปี 2564 ตามร้าน Drug Store และร้านค้าปลีกรายใหญ่ต่างๆ โดยแบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคผู้หญิงช่วงอายุ 20-30 กว่าปี

แบรนด์เครื่องสำอางไทยหากเปรียบเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศแล้ว แบรนด์เครื่องสำอางไทยมีปริมาณน้อยแต่ราคาถูกกว่าประมาณ 1 ใน 4 นอกจากนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อนและมีความชื้น เครื่องสำอางไทยจึงมีการพัฒนาคุณสมบัติทำให้เครื่องสำอางติดทนนาน ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเครื่องสำอางไทย การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีได้รับความนิยมในญี่ปุ่นจากอิทธิพลของความโด่งดังของไอดอลเกาหลี การแต่งหน้าสไตล์ไทยก็ได้รับความนิยมเช่นกัน จนเกิดคำว่า “สวย เมก” (เมก หรือ Make = การแต่งหน้า) ที่มีจุดเด่นการแต่งคิ้วหนาและริมฝีปากอิ่มเอิบ

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทคาร์มาร์ทได้เพิ่มทุนโดยมี บริษัท Marubeni Corporation ได้ร่วมทุน 1,436 ล้านบาท เพื่อใช้ช่องทางจำหน่ายทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศของ Marubeni ในการขยายตลาด โดยเมื่อปี 2564 Marubeni กับบริษัท AIN HOLDINGS INC. ประเทศญี่ปุ่นก่อตั้งบริษัทร่วมกันเพื่อเปิดร้าน drug store ที่มีกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นกลุ่มเป้าหมายชื่อ “AINZ&TULPE” ในประเทศมาเลเซีย 3 สาขา และกำลังพิจารณาขยายร้านในประเทศอื่นๆ อีกด้วย

จากการร่วมทุนกับ Marubeni บริษัทคาร์มาร์ทได้ตั้งเป้ายอดจำหน่ายปี 2569 เท่ากับ 4,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2565 และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดจำหน่ายในต่างประเทศจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 15

นอกจากบริษัทคาร์มาร์ทแล้ว บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยรายอื่นอย่าง บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อขยายตลาดสู่ต่างประเทศเช่นกัน โดยตั้งเป้าขยายร้านที่วางจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ในประเทศญี่ปุ่นจากประมาณ 2,000 ร้าน เป็น 3,000 ร้าน ภายในสิ้นปี 2566 และมีเป้าเพิ่มยอดจำหน่ายร้อยละ 40 เป็น 1,000 ล้านบาท

โดยแป้งของศรีจันทร์ที่ติดทนนานนับได้ว่าเป็นสินค้าเครื่องสำอางไทยที่บุกเบิกตลาดญี่ปุ่น ทำให้เครื่องสำอางไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคญี่ปุ่น บริษัทกำลังพิจารณาพัฒนาเครื่องสำอางร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นเพื่อจำหน่ายในตลาดญี่ปุ่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยเติบโตมาจากการรับจ้างผลิตให้กับเครื่องสำอางต่างประเทศ ทำให้บริษัทผู้ผลิตไทยรู้จักการพัฒนาสินค้าและได้เรียนรู้ ทำให้มีความสามารถในด้านการทำแบรนด์ มีการนำมาปรับให้เหมาะกับภูมิอากาศของประเทศไทยและพฤติกรรมผู้บริโภคของไทย กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องสำอางไทย แบรนด์เครื่องสำอางไทยได้เติบโตและเริ่มมองตลาดต่างประเทศ และด้วยคนเอเชียที่ให้ความสำคัญกับความงามมากขึ้น

อีกทั้งเศรษฐกิจที่เติบโตทำให้มูลค่าตลาดความงามในทวีปเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่มูลค่าสูงสุดในโลก บริษัท McKinsey & Company ได้คาดการณ์ว่า ตลาดความงามของเอเชียในช่วงปี 2565+2570 จะเติบโตประมาณร้อยละ 7-8

และจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย ทำให้ทราบว่า ปี 2565 ประเทศไทยส่งออกสินค้าเกี่ยวกับความงามมูลค่า 78,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปีก่อน และประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 หรือมีมูลค่าร้อยละ 12 จากมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย นอกจากนี้ ความนิยมซีรีส์ไทยในญี่ปุ่นก็มีส่วนช่วยผลักดันมูลค่าการส่งออกอีกด้วย

บริษัทที่ปรึกษาของประเทศเยอรมนี Roland Berger Ltd. ให้ความเห็นว่า คู่แข่งเครื่องสำอางไทยในตลาดต่างประเทศคือ แบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศจีน เนื่องจากเครื่องสำอางเกาหลีใต้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยความชื่นชมและหลงใหลเกาหลี ส่วนแบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่นเป็นกลุ่มราคาสูง ทำให้เครื่องสำอางไทยเกิดการแข่งขันด้านราคากับเครื่องสำอางจีนได้ง่าย

บริษัทเครื่องสำอางไทยส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การที่จะดันแบรนด์เครื่องสำอางไทยให้เป็นที่รู้จักและโด่งดังในกลุ่มประเทศเอเชีย อาจจำเป็นต้องจับมือกับกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ทั้งภายในและต่างประเทศ และการผลักดันด้วยซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ DITP