ทรูคอฟฟี่ สู้ศึกร้านกาแฟแข่งเดือด จัดหนักซื้อเครื่องดื่มแถมอินเตอร์เน็ตฟรี

นายชัยสิทธิ์ สุทธิขจรกิจการ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรูไลฟ์สไตล์ รีเทล จำกัด ในกลุ่มทรู เปิดเผยว่า ปีนี้ทรูคอฟฟี่ จะเดินหน้าเปิดเกมรุกตลาดร้านกาแฟพรีเมียมอย่างเข้มข้น เพราะต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดมีสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะร้านกาแฟพรีเมียม ดังนั้นจึงต้องทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยจะเน้นการให้บริการที่ครบกับลูกค้าเมื่อเข้ามาใช้บริการในร้านสาขา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ด้วยกลยุทธ์ ดิจิตอล ไลฟ์สไตล์ คาเฟ่

“กลยุทธ์ดังกล่าวให้ลูกค้าสามารถได้ดื่มกาแฟพร้อมทานขนมอร่อย และได้ท่องโลกออนไลน์ฟรีแบบไม่สะดุด เพราะร้านกาแฟในยุคนี้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค สำหรับนั่งทำงาน และใช้เป็นสถานที่นัดพบเพื่อนฝูง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคนไทยเริ่มรับวัฒนธรรมการบริโภคกาแฟ และเริ่มรู้จักการบริโภคกาแฟมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ไทย และต่างประเทศ ในขณะที่บรรยากาศร้านต่างๆ ซึ่งเข้ามามีอิทธิพลต่อการเลือกใช้บริการของผู้บริโภคมากขึ้น ตลอดจนล่าสุดทรูคอฟฟี่ได้เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นทรูคอฟฟี่ บนสมาร์ตโฟน ที่สามารถชมเมนูและจ่ายเงินได้ทันทีผ่านแอพพลิเคชั่น ขณะที่ยังสามารถได้คะแนนสะสมโดยทุกการใช้จ่ายผ่านแอพ 25 บาท จะได้รับคะแนน 1 บีนพอยท์ เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น รับเครื่องดื่มฟรี”

พร้อมกันนี้ทรูคอฟฟี่ยังเพิ่มเมนูอาหาร และปรับใหม่ให้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะเมนูอาหารพร้อมทานในราคาเริ่มต้น 69 บาท อย่าง เมนูฮอกไกโด เบค ทึ่พัฒนาขึ้นมาเป็นเรือธงล่าสุด โดยในระยะแรกให้บริการแล้ว 13 สาขา อาทิ สาขาที่เอ็มควอเทียร์, เออร์เบิน พาร์ค พารากอน, ดิจิตอล เกตเวย์, สยามสแควร์ ซอย2, สยามสแควร์ ซอย3, จามจุรี สแควร์, ซีพี ทาวเวอร์, ทรูทาวเวอร์ และบลูพอร์ท หัวหิน จากนั้นจะขยายการให้บริการที่ทรูคอฟฟี่สาขาอื่นๆ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปีนี้ อย่างไรก็ตามตั้งเป้าดันยอดขายเพิ่ม 20% ในสิ้นปี จากปีที่แล้วมียอดขายรวมอยู่ที่ 530 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 16%

สำหรับการขยายสาขาจะเพิ่มอีก 40 สาขาปีนี้ รวมสิ้นปีจะมีสาขา 274 สาขาทั่วประเทศ เน้นทำเลในอาคารสำนักงาน และมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของทรูคอฟฟี่ เพื่อผลักดันให้ทรูคอฟฟี่เป็นอันดับ 1 ของร้านกาแฟพรีเมียมแบรนด์ไทย ส่วนตลาดร้านกาแฟในประเทศไทย พบว่า ปีที่แล้วมูลค่าตลาดสูงกว่า 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านกาแฟพรีเมียม 8,000 ล้านบาท และร้านกาแฟทั่วไป 9,000 ล้านบาท