เผยแพร่ |
---|
สรุปรวมงาน LINE Conference Thailand 2023 ไลน์ลุยพัฒนา ‘กรุ๊ปแชต’ ตอบโจทย์เรื่องการทำงานและ SMEs
LINE ประเทศไทย กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในงานสัมมนาด้านเทคโนโลยี LINE Conference Thailand 2023 หรือ #LCT23 พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ ทิศทาง และกลยุทธ์ก้าวต่อไปในการพัฒนาและดำเนินการด้านเทคโนโลยีใหม่แห่งปี สู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย”
โดย ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า กว่า 12 ปีที่ LINE ประเทศไทย เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ภายใต้พันธกิจ “Closing the Distance” ผ่านแพลตฟอร์มและบริการที่มีผู้ใช้งานกว่า 54 ล้านคน ตอกย้ำการเป็นโครงสร้างพื้นฐานชีวิตในยุคดิจิทัล (Life Infrastructure) พร้อมผลักดันจุดแข็งแห่งการมีทีมนักพัฒนาประจำประเทศไทย ที่จะเป็นบันไดสู่อนาคตขั้นถัดไปของนวัตกรรมในการขับเคลื่อน Smart Country ด้วยเทคโนโลยี Hyper-Localized เพื่อ “เปิดโอกาส” ให้คนไทยเติบโตในยุคดิจิทัลได้ในหลากหลายมิติอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ไม่ทิ้งจุดแข็ง Group Chat เล็งพัฒนาโซลูชันเพื่อการทำงาน
ภายในงาน นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ยังได้เผยถึงบริการพื้นฐานอย่าง ‘แชต’ ที่เป็นจุดแข็งของ LINE ซึ่งยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ Group Chat ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนไทย สะท้อนจากสถิติการเติบโตที่สูงขึ้นกว่า 56% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และอัตราการส่งข้อความประเภทต่างๆ ทั้งรูปภาพ ไฟล์ เสียง และวิดีโอ มีอัตราการเติบโตสูงกว่าประเทศอื่นทั่วโลก
โดยผลสำรวจจาก LINE ประเทศไทย พบว่า หมวดหมู่ Group Chat ยอดนิยม ได้แก่
- กลุ่มเพื่อน 82%
- ครอบครัว 80%
- ที่ทำงาน 77%
- และโรงเรียน 27%
สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของกลุ่มผู้ใช้และวิธีการใช้งาน ซึ่งผู้ใช้กว่า 77% ระบุว่า กลุ่มแชตครอบครัวช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างช่วงวัยมากขึ้น
สำหรับผู้ใช้งานจะเริ่มตั้งแต่ กลุ่มอายุ 15-19 ปี มีการใช้งานมากที่สุด รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 50 ขึ้นไป ซึ่งคนไทยมี Group Chat ในที่ทำงานเฉลี่ยอย่างต่ำ 9 กรุ๊ป มีการเข้าใช้งานตลอด 7 วันทั้งสัปดาห์ โดยมีการใช้งานต่อวันสูงถึง 83%
มีการส่งรูปภาพ 68% ตามด้วยไฟล์งาน 67% เสียง 33% และวิดีโอ 21% ซึ่งเติบโตสูงกว่าประเทศอื่นทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน Group Chat ยังสามารถช่วยให้กระบวนการทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดสังคมการทำงานที่มีประสิทธิภาพกว่าในอดีต นำมาสู่ความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ Work Group สำหรับคนไทย เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการทำงาน การใช้ชีวิต และครอบครัว Work-Life-Family Balance อีกทั้งเพิ่ม Productivity และลดปัญหาที่ไม่ตอบโจทย์การทำงานโดยเฉพาะ เช่น การนัดหมายงาน การจัดเก็บไฟล์
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว LINE STICKERS PREMIUM บริการสติกเกอร์จ่ายรายเดือน/รายปี สำหรับคนไทย อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเลือกใช้งานชุดสติกเกอร์ได้หลากหลายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
โดย LINE STICKERS PREMIUM มี 2 แพ็กเกจ
Basic เข้าถึงได้ 9 ล้านสติกเกอร์, มี AI ช่วยแนะนำสติกเกอร์ที่ชอบ ราคา 69 บาท/เดือน และ 699 บาท/ปี
Deluxe เข้าถึงได้ 9 ล้านสติกเกอร์, มี AI ช่วยแนะนำสติกเกอร์, เข้าถึงธีมได้ 1.5 ล้านธีม และ 1.2 แสนอีโมจิ ราคา 139 บาท/เดือน และ 1,300 บาท/ปี
สามารถใช้งานได้แล้ววันนี้เป็นต้นไป
เปิดวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีแห่งปีครั้งแรกของ LINE ประเทศไทย
นายวีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ (CPO) กล่าวว่า LINE ประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะองค์กรเทคฯ เพื่อคนไทย โดยในช่วง 5 ปีจากนี้ LINE จะมุ่งสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิด” นำมาซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย ทั้งในด้านผู้ใช้งาน ธุรกิจ และพันธมิตร
โดยอาศัยแนวคิดตั้งต้นจากทีมงาน LINE ประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1. Extensive Plug-Ins เปิดการเชื่อมต่อกับระบบหรือโซลูชันอื่นๆ อย่างหลากหลาย ทั้งโซลูชันที่คิดค้นเพิ่มเติมโดย LINE เอง และระบบที่พาร์ตเนอร์หรือนักพัฒนาทั่วไปได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยในมิติที่กว้างและลึกขึ้น
2. Data Utilization ส่งเสริมให้พันธมิตรและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างไร้รอยต่อ นำไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแท้จริง
3. Performance Marketing เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดบนแพลตฟอร์ม ด้วยศักยภาพการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้น สร้างการเติบโตให้ภาคธุรกิจผ่านโซลูชันต่างๆ ของ LINE ได้อย่างยั่งยืน
4. Privacy Focused คงไว้ซึ่งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเคร่งครัด
ปู 3 โรดแมป ยกระดับเทคโนโลยี
1. Customer Data Tools เพิ่มขีดความสามารถในจัดการข้อมูลลูกค้าผ่านเครื่องมือ MyCustomer ในการเก็บรวบรวม 1st Party Data ของผู้บริโภค โดยให้อำนาจร้านค้าในการเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้มากกว่าที่เคย ภายใต้ขอบเขตการยินยอมจากผู้บริโภคตามกฎหมาย โดยมีแผนการเปิดตัว MyCustomer สำหรับกลุ่มธุรกิจรายย่อย (SMEs) และในอนาคต สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการทำ CRM โดยเฉพาะ
2. Ads Improvement ปรับปรุงเครื่องมือสำหรับการโฆษณาบน LINE ให้สามารถวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ข้อมูลที่แบรนด์ได้มาเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น อาทิ การเพิ่ม Segment ในการหากลุ่มเป้าหมายผ่าน Persona Targeting ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น และการเปิดให้ภาคธุรกิจ ร้านค้า สามารถนำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคบน LINE SHOPPING มาวิเคราะห์แบ่งกลุ่ม เพื่อการยิงโฆษณาผ่าน LINE ADS ได้แม่นยำและครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น
3. API & Plug-In เปิดขยายการเชื่อมต่อ API ให้มีความหลากหลายและตอบโจทย์เฉพาะด้านได้อย่างครอบคลุมขึ้น อาทิ LINE SHOPPING API, Messaging API รวมถึงแผนการเปิดตัว LINE OA Plus Plug-in Store แหล่งรวมโซลูชันสำหรับนักพัฒนานอกองค์กร LINE ในการนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ และยังเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจไทย ในการมองหาโซลูชันให้ตรงกับความต้องการ
LINE ประเทศไทย มุ่งเน้นพัฒนาโซลูชันและบริการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านของคนไทย ผ่านโอกาสที่เปิดกว้างบน LINE ให้นักพัฒนาทั้งในและนอกองค์กรได้มีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มเปิดแห่งนี้ สู่การขับเคลื่อนประเทศ พร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตผู้คนด้วยเทคโนโลยีอย่างไร้ขีดจำกัด