รู้ก่อน รวยก่อน! เปิดเทรนด์ 7 กลุ่มสินค้า SMEs มาแรงปี 66 

รู้ก่อน รวยก่อน! เปิดเทรนด์ 7 กลุ่มสินค้า SMEs มาแรงปี 66 

อัพเดตเทรนด์ กลุ่มสินค้า SMEs มาแรงในปี 66 โดย ซีพี ออลล์ ได้รวบรวมข้อมูลด้านการตลาดผ่านกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศที่ปัจจุบันมีจำนวนสูงถึง 12 ล้านคนต่อวัน โดยกลุ่มสินค้าที่น่าจับตามองและถูกจัดให้เป็นเทรนด์ในปี 2566 และในอนาคต มีจำนวน 7 กลุ่มสินค้า ดังนี้

1. กลุ่มสินค้าสำหรับผู้สูงวัย

ตลาดผู้สูงวัยเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ เต็มไปด้วยกำลังซื้อ เพราะมีทั้งเงินออม เงินบำนาญ และไม่มีภาระค่าใช้จ่ายมากเหมือนวัยหนุ่มสาว ดังนั้น สินค้าที่จะคว้าใจผู้สูงวัยได้นั้น จะเป็นสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

หรือสินค้าที่ช่วยสร้างประสบการณ์ดีๆ เช่น ข้าวต้มพร้อมรับประทาน หากนำนวัตกรรมมาช่วยให้ข้าวต้มยังคงความหอมเหมือนหุงเอง และสามารถคงคุณประโยชน์ของข้าวไว้อย่างครบถ้วน ก็จะสามารถคว้าใจของผู้บริโภคในกลุ่มสูงวัยได้

2. กลุ่มสินค้าเพิ่มความสะดวก

พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันชอบความสะดวกสบาย ดังนั้น สินค้าจึงต้องช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค เช่น ผลไม้ที่เดิมใส่ห่อขายเป็นลูก อาจจะต้องหั่นเป็นชิ้นพร้อมไม้จิ้ม เพื่อความสะดวกในการรับประทาน หากเพิ่มพริกกะเกลือหรือเครื่องจิ้มอื่นไปในแพ็กเกจจิ้ง ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้า นำมาสู่ยอดขายที่เติบโตขึ้น 

3. กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ & ความงาม

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความใส่ใจกับเรื่องของสุขภาพและการดูแลตัวเองอย่างจริงจังเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่าสินค้าและบริการในกลุ่มนี้มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าธัญพืช สินค้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพร 

4. กลุ่มสินค้าไซซ์เล็ก

ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ชอบทดลองสิ่งใหม่ ชอบความสะดวกสบาย และนิยมการอยู่คนเดียวหรือมีครอบครัวขนาดเล็ก ดังนั้น หากผู้ประกอบการผลิตสินค้าเพื่อการบริโภค สินค้าควรบรรจุอยู่ในแพ็กเกจจิ้งที่เหมาะแก่การรับประทานในครั้งเดียว และในปริมาณที่เหมาะสำหรับการรับประทานแค่ 1-2 คน สำหรับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าอุปโภคก็ควรปรับลดขนาดให้เล็กลง เช่น ครีม อาจปรับให้อยู่ในรูปแบบซอง เพื่อความสะดวกในการพกพา ในราคาที่จับต้องได้

5. กลุ่มสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

การใส่ใจและรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคยุคใหม่มักมองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่กระบวนการคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ไปจนถึงตัวสินค้าและแพ็กเกจจิ้งต้องตอบโจทย์ในเรื่องสิ่งแวดล้อม 

6. กลุ่มสินค้าที่ต่อยอดเอกลักษณ์จากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

เทรนด์ความสนใจในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหรือ Local Lover มีแนวโน้มเติบโตอีกครั้งในช่วงหลังการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าท้องถิ่นสามารถขึ้นทะเบียนขอรับตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อยืนยันว่าเป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่มีคุณภาพและมีแหล่งที่มาจากท้องถิ่นนั้นๆ จริงๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่กลุ่มฐานลูกค้าประจำของสินค้าท้องถิ่นนั้นๆ

ขณะเดียวกัน หากนำมาพัฒนาต่อยอดก็จะทำให้ได้ฐานลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคกลุ่มใหม่เพิ่มเติม เช่น “มะขามหวานเพชรบูรณ์” ที่ บริษัท สวนผึ้งหวาน จำกัด นำมาพัฒนาต่อยอดในหลากหลายรสชาติ หลากหลายรูปแบบ ทำให้ปัจจุบันสามารถขยายตลาดได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ สร้างยอดขายได้สูงถึง 250 ล้านบาทต่อปี

7. กลุ่มสินค้าที่มีนวัตกรรม

นวัตกรรมยังคงเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับคู่แข่งในตลาดแล้ว ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ถึงแม้จะเป็นสินค้าพื้นบ้านก็มีโอกาสเติบโตใด้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

เช่น แหนมสุทธิลักษณ์ ที่นำเอาเทคโนโลยีการฉายรังสีมาใช้กับการถนอมอาหารประเภทแหนม เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อหมู สามารถช่วยยืดอายุการจัดเก็บสินค้าให้ยาวนานถึง 2 เดือน โดยปราศจากสารกัมมันตรังสีตกค้าง สามารถรับประทานได้ทันทีไม่ต้องนำไปผ่านความร้อน ปัจจุบันมีจำหน่ายทั่วประเทศ