สงครามรัสเซีย-ยูเครน ฉุดส่งออก รถยนต์ไทย ปี 65 คาด ติดลบ 6-11%

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ฉุดส่งออก รถยนต์ไทย ปี 65 คาด ติดลบ 6-11%
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ฉุดส่งออก รถยนต์ไทย ปี 65 คาด ติดลบ 6-11%

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ฉุดส่งออก รถยนต์ไทย ปี 65 คาด ติดลบ 6-11%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ปริมาณการส่งออกรถยนต์ไทยในปี 2565 นี้มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ระหว่าง 850,000 ถึง 900,000 คัน หรือ -6.0% ถึง -11.0% (YoY) โดยโอกาสที่จะช่วยพยุงตัวเลขส่งออกในปีนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความรวดเร็วที่มาตรการคว่ำบาตรต่างๆ จะยุติลง รวมถึงค่ายรถหน้าใหม่ในไทยอย่างจีนจะสามารถส่งออกตามแผนที่เคยวางไว้หรือไม่ อยากให้ตามมาวิเคราะห์ด้วยกัน ดังนี้

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์โลกเป็นวงกว้าง ทั้งจากการซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีอยู่เดิม จากการที่รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหลายตัวสำหรับการผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

แต่หลังจากที่รัสเซียโดนคว่ำบาตร และได้มีการตอบโต้ด้วยการงดส่งออกสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ต่างๆ และสินค้าเกษตรหลายรายการ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกเกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง และสินค้ารถยนต์ก็จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยราคาสูงจึงเป็นสินค้ากลุ่มแรกๆ ที่จะได้รับผลกระทบ

กลับมาดูฐานการผลิตรถยนต์ในไทย แม้ผลกระทบจะไม่รุนแรงเท่าฐานการผลิตในยุโรป เนื่องจากประเทศผู้นำเข้ารถยนต์จากไทยมากกว่า 1 ใน 3 ได้รับผลกระทบไม่มากในด้านเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับตลาดอื่น เช่น กลุ่มประเทศโอเปกและออสเตรเลียที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้ผลิตน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งกำลังมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ตลอดจน ชิ้นส่วนที่ใช้ในไทยมาจากคนละแหล่งกับฐานการผลิตในยุโรป อีกทั้งค่ายรถก็มีการสต๊อกชิ้นส่วนไว้แล้วระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ผลของสงครามและการคว่ำบาตรที่ยืดเยื้อ จะทำให้ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนลุกลามไปทั่วโลก และกระทบกับการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกของไทยโดยรวมทั้งปีได้ เหล่านี้เป็นปัจจัยฉุดสำคัญที่ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ปริมาณการส่งออกรถยนต์ไทยในปี 2565 นี้มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ระหว่าง 850,000 ถึง 900,000 คัน หรือ -6.0% ถึง -11.0% (YoY)

โดยนอกจากประเด็นเรื่องการพยุงตัวเลขส่งออกในปีนี้แล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยยังต้องมองไปข้างหน้าและรีบปรับตัว เมื่อผู้บริโภคเริ่มหันไปใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ขณะที่ไทยเองก็กำลังมีคู่แข่งในการดึงดูดการลงทุนที่สำคัญ คือ อินโดนีเซีย ที่มีจุดแข็งในการเป็นแหล่งผลิตแร่นิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดของโลก และมีโอกาสจะผงาดขึ้นเป็นหนึ่งฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญ และกลายมาเป็นคู่แข่งการส่งออกรถยนต์ของไทยในอนาคต