ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เนื่องในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๐ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ได้จัดกิจกรรมพิเศษสักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน “กราบบูชาพระพุทธปฏิมาในพระมหากรุณาพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า” โดยอัญเชิญพระพุทธรูปมงคลศักดิ์สิทธิ์โบราณ ๑๐ องค์ ให้ประชาชนกราบสักการบูชา ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
มีพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยสุโขทัยเป็นประธาน และได้คัดสรรพระพุทธรูปอีก ๙ องค์ ที่มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับบุรพมหากษัตริย์ในดินแดนประเทศไทยในอดีตจนถึงปัจจุบัน อันกอปรด้วยสุนทรียภาพความงามตามยุคสมัย สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ทั้งยังเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ผู้เป็นทั้งพุทธบริษัทและอัครศาสนูปถัมภกมาช้านาน นำมาประดิษฐานให้ประชาชนสักการบูชา เพื่อน้อมนำถึงพระมหากรุณาธิคุณและอำนวยความสุขสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล ในวาระแห่งการเริ่มต้นสู่ศักราชใหม่
สำหรับกิจกรรมพิเศษสักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน เนื่องในเทศกาลปีใหม่นี้ กรมศิลปากรได้จัดต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ ๗ แล้ว ทั้งนี้ในแต่ละปีได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ต่างเดินทางมาสักการบูชาพระพุทธปฏิมา เพื่อความเจริญศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทั้งมีความประสงค์ที่จะทราบตำนานความเป็นมาของพระพุทธรูปมงคลโบราณดังกล่าว คติการสร้าง และรูปแบบทางศิลปกรรมของพระพุทธรูปทั้ง ๑๐ องค์ ตลอดจนตระหนักรู้ในคุณค่า ความสำคัญ และร่วมกันดูแลปกป้องมรดกของชาติให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยสืบไปชั่วกาลนาน
กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนชาวไทยจะได้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบุรพมหากษัตริย์ไทย รวมทั้งได้รับประโยชน์ทางความรู้ และความสุขสวัสดีโดยทั่วกัน
พระพุทธปฏิมาทั้ง ๑๐ องค์ดังกล่าว คือ
- พระพุทธสิหิงค์
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช”
เมื่อพิจารณาจากเค้ามูลแรกเริ่มของการประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ในสยามประเทศตาม นิทานพระพุทธสิหิงค์ กล่าวได้ว่า พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธปฏิมาที่มีความสัมพันธ์กับพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช แห่งกรุงสุโขทัย ตามข้อสันนิษฐานจากหลักฐานประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้พระพุทธสิหิงค์ซึ่งประดิษฐานถาวร ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์จึงเป็นดั่งประธานของพระพุทธรูปที่นำมาประดิษฐานเพื่อการสักการบูชาทั้งปวงในปีใหม่พุทธศักราช ๒๕๖๐ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกษัตริยาธิราชเจ้าซึ่งเป็นมหาราชพระองค์แรกของแผ่นดินไทย… พ่อขุนรามคำแหงมหาราช แห่งกรุงสุโขทัย
- พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชอุทิศพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ตามที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นจำนวน ๓๔ ปาง (องค์) เพื่อถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินสยามรัชกาลต่าง ๆ ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี พระองค์กำหนดให้พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเป็นพระพุทธรูปประจำสยามรัชกาลที่ ๑๘ คือรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- พระพุทธรูปปางจงกรมแก้ว
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
พระพุทธรูปปางจงกรมแก้วนี้ เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้น ตามพระราชดำรัสที่โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เลือกค้นในคัมภีร์ต่าง ๆ และบัญญัติขึ้น ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จารึกข้อความให้พระพุทธรูปปางจงกรมแก้วเป็นประหนึ่งพระพุทธรูปประจำรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และทรงอุทิศพระราชกุศลถวายพระพุทธรูปปางนี้แด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา
- พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชอุทิศพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นจำนวน ๓๔ ปาง ถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินสยามรัชกาลต่าง ๆ ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกริยา (เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง พระหัตถ์ทั้งสองประทับพระอุระทำทุกรกิริยา)
- พระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก”
พระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ๓๗ องค์ ประดิษฐานอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น ๓๔ องค์ และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงจารึกพระนามเพิ่มเติมอีก ๓ องค์ รวมทั้งหมด ๓๗ องค์ แต่ละองค์ถวายพระราชกุศลแด่พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์แต่ละรัชกาล ประหนึ่งพระพุทธรูปประจำรัชกาล ไม่ซ้ำกัน พระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชรถือเป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
- พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงมีพระราชนิยมในการหล่อพระพุทธรูป “ประทับขัดสมาธิเพชร” อย่างไรก็ดีตามตำราพระพุทธรูปปางต่างๆ โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ระบุว่า “พระพุทธรูปปางสมาธิราบ” เป็น “พระพุทธรูปปางประจำวันพฤหัสบดี” ดังนั้นวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ จึงควรเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิราบ ถึงกระนั้นความจาก พระราชพิธีสิบสองเดือน พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทำให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงหล่อพระพุทธรูปเท่าจำนวนพระชนมพรรษา แต่เป็นพระพุทธรูปปางขัดสมาธิเพชร “…มีอาการนั่งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาซ้อนพระหัตถ์ซ้าย แปลกกับปางเดิมไปอีกอย่างหนึ่งและเปลี่ยนลักษณะอาการส่วนสัดตามพระราชประสงค์และฐานนั้นก็ทำเป็นกลีบบัวคว่ำบัวหงายอย่างโบราณไม่เป็นฐานพระพิมพ์อย่างแต่ก่อน…” ทั้งนี้คงเพื่อให้แตกต่างจากพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระองค์ (รัชกาลที่ ๔) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิราบ
- พระพุทธรูปปางขอฝน
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษาในปางขอฝน (พระคันธารราฐ) ตามความที่ปรากฏในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือนว่า ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้ พระพุทธรูปที่เหลือจากทรงพระราชอุทิศถวายพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนมีอยู่สองปาง คือ พระลองหนาว และพระคันธารราฐ จึงได้ทรงเลือกพระคันธารราฐเป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา
และเพราะเหตุที่ท่านผู้ใหญ่เห็นว่า เมื่อก่อนปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประสูตินั้น ฝนแล้ง ข้าวในนาก็เสียมาก เมื่อปีที่ประสูติต้นปีก็ฝนแล้ง แต่เมื่อเวลาประสูติ ในทันใดนั้นฝนตกมาก ตามชาลาในพระราชวังท่วมเกือบถึงเข่า เห็นกันว่าเป็นการอัศจรรย์อยู่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้เป็นหน้าที่สำหรับทำพิธีฝนแต่เล็กมา จึงได้ตกลงกันให้ใช้พระคันธารราฐเป็นพระประจำพระชนมพรรษา แต่ไปเกิดข้อรังเกียจกันด้วยเรื่องจะนั่งหรือจะยืน คำตัดสินนั้นตกลงว่าถึงที่ยืนเป็นถูกต้อง แต่เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปเพิ่งเกิดใหม่มีองค์เดียว พระเก่า ๆ ที่มีมาก็เป็นพระคันธารราฐนั่งทั้งสิ้น จึงได้ตกลงให้สร้างพระคันธารราฐนั่ง
พระพุทธรูปปางขอฝน (พระคันธารราฐ) ประจำพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งแบบวัชราสนะเหนือปัทมาสน์กลีบบัวคว่ำและกลีบบัวหงาย มีเกสรบัวประดับทั้งตอนบนและตอนล่าง บริเวณฐานมีตราพระเกี้ยวเป็นสัญลักษณ์ แต่เนื่องจากในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไม่มีพระพุทธรูปปางขอฝนประทับนั่ง จึงใช้พระพุทธรูปปางขอฝนประทับยืนในการจัดแสดงครั้งนี้แทน
- พระพุทธรูปปางลองหนาว
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”
สำหรับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงสร้างพระปางลองหนาว เหตุที่เลือกปางนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงมีทัศนะว่า “เป็นปางที่สมควรแก่พระประสูติมงคลสมัยอันมีในเหมันตฤดูกาล”
- พระพุทธรูปปางสมาธิใต้ร่มโพธิ์เหนือมารผจญ
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ซึ่งเสด็จสวรรคตในวันพฤหัสที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ พระพุทธรูปประจำวันพฤหัสคือ พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพุทธรูปปางสมาธิที่มีลักษณะพิเศษองค์นี้ จึงสมควรแก่การนำมาประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เพื่อให้ประชาชนสักการบูชาในศุภวาระขึ้นศักราชใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๐ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระธรรมราชาธิราชอันเป็นที่รักเทิดทูนประทับอยู่ในจิตใจของพสกนิกรไม่เสื่อมคลาย
- พระพุทธรูปปางห้ามญาติ
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร”
พระพุทธรูปปางห้ามญาติเป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ แห่งบรมราชจักรีวงศ์ เนื่องด้วยทั้งสองพระองค์ทรงพระราชสมภพในวันจันทร์ พระพุทธรูปปางห้ามญาตินี้เป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์
ในศุภวาระฤกษ์ดีปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๐ พระพุทธรูปปางต่างๆ ข้างต้น ๙ องค์ นำมาประดิษฐานเพื่อการสักการบูชา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและส่งพลังบุญกุศลถวายแด่พระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตทั้ง ๙ พระองค์ สำหรับพระพุทธรูปปางห้ามญาติองค์นี้ นำมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เป็นองค์ที่ ๑๐ พร้อมกันไปด้วย เพื่อแสดงถึงโอกาสพิเศษ ให้ประชาชนร่วมกันบูชาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๑๐ แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ทั้งยังสอดคล้องกับการเป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระองค์ เนื่องด้วยพระองค์ทรงพระราชสมภพในวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕
กิจกรรมพิเศษสักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน “กราบบูชาพระพุทธปฏิมาในพระมหากรุณาพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า” นี้ จะจัดแสดง ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ – ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์