เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า โรงเรียนในสังกัด กทม.กว่า 400 แห่ง พบว่า มีนักเรียนมีภาวะโภชนาการเกิน หรือเข้าข่ายที่จะเป็นโรคอ้วนมากถึงร้อยละ 20 ของนักเรียนในสังกัด กทม.ทั้งหมด จึงมอบหมายให้สำนักอนามัย กทม.เข้ามาดูแลเรื่องเมนูอาหาร โดยให้จัดเป็นเมนูสู้โรคเพื่อให้นักเรียนในสังกัด กทม.ได้เรียนรู้และรู้จักที่จะเลือกอาหารที่มีคุณค่า

“หากเด็กนักเรียนรู้จักที่เลือกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ได้แล้วนั้น จะส่งผลให้ครอบครัวของเด็กนักเรียนเลือกหาอาหารตามที่เด็กบอกได้ ผลที่ได้คือ ในอนาคตจะมีเด็กนักเรียนและครอบครัวมีสุขภาพที่ดี ที่เกิดจากการเลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์” นายทวีศักดิ์กล่าว

ด้าน พญ.ผุสดี พรหมายน ผู้อำนวยการกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กทม. กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์ภาวะเด็กอ้วนในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า พบว่า มีจำนวนที่เข้าข่ายภาวะอ้วนและเริ่มที่จะอ้วน ร้อยละ 13.9 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด 900,000 กว่าคน ดังนั้น เมนูอาหารจะเป็นทั้งอาหารจานเดียว หรือเมนูกับข้าวอย่างอื่น ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการคำนวณเรื่องของแคลอรีเป็นหลัก และจะมีการดูเรื่องของเครื่องปรุงประกอบอาหารที่จะไม่ให้มีโซเดียมมากเกินไป สำหรับตัวอย่างเมนูสู้โรค ได้แก่ เส้นใหญ่ราดหน้า ข้าวคลุกกะปิ ขนมจีนน้ำยาไก่ ซึ่งหากเป็นอาหารจานเดียวสำหรับเด็ก จะแนะนำให้มีอาหารเสริมให้กับเด็กด้วย เช่น ซุปผัก ทั้งนี้เมนูอาหารสู้โรคไม่ได้เป็นเมนูที่แปลก พิสดาร แต่จะเป็นเมนูที่คุ้นเคย เน้นความสด สะอาด ปลอดภัย ได้คุณค่า นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะทำเมนูอาหารจานเดียวเผยแพร่ไปยังกลุ่มประชาชนเพิ่มขึ้น และขอความร่วมมือโรงเรียนในสังกัด กทม.ไม่ขายน้ำอัดลม และขนมกรุบกรอบ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงและภาครัฐไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้คือ ร้านขายขนมข้างโรงเรียน

ที่มา ข่าวสดออนไลน์