ไข่เทียมจากพืช ตอบโจทย์ตลาดอาหารสุขภาพ ชาวนาร้องว้าว โนว์ฮาวเด็กไทย

ไข่เทียมจากพืช ตอบโจทย์ตลาดอาหารสุขภาพ ชาวนาร้องว้าว โนว์ฮาวเด็กไทย

นักศึกษาคณะเทคโนโลยีอาหาร วิทยาลัยนวัตกรรมเกษตรและเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยรังสิต เจ้าของผลงาน ประกอบด้วย นายภิรมย์ เยือน นางสาวแสงทิวา สุวรรณวิท และ นางสาวชลลดา ม่วยหนู นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยรังสิต มี รศ.ยุพกนิษฐ์ พ่วงวีระกุล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา สร้างผลิตภัณฑ์ไข่เทียมจากพืชไร้สารก่อภูมิแพ้ (PEN EGG : Plant-based Entirely Nonallergenic EGG) ใช้วัตถุดิบหลักจากข้าวไทยและผลิตภัณฑ์จากการแปรรูปข้าว

นางสาวชลลดา ตัวแทนทีมวิจัย กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารจากพืชมากขึ้น ตลาดผู้บริโภคทั่วไปที่รักสุขภาพ เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และตลาดผู้บริโภควีแกน ตลาดมังสวิรัติ เพราะเป็นตลาดที่กำลังเติบโตขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งธุรกิจร้านฟาสต์ฟู้ดและผู้ประกอบการธุรกิจอาหารกำลังให้ความสนใจ

เพราะมีงานวิจัยรองรับว่าสามารถฟื้นฟูสุขภาพ ทุกคนสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย เป็นไลฟ์สไตล์ของความทันสมัย รับประทานเพื่อป้องกันและรักษาโรคได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคอ้วน โรคเบาหวานประเภท 2 ฯลฯ เพราะมีไขมันต่ำและไม่มีคอเลสเตอรอล ตอบโจทย์กระแสความต้องการของตลาดอาหารทางเลือก

ชลลดา ตัวแทนทีมวิจัย

สำหรับ ไข่เทียม ที่วิจัยขึ้นนี้ มีความพิเศษไม่มีสารก่อภูมิแพ้ในผู้บริโภคเพราะใช้วัตถุดิบหลักทั้งหมดจากข้าวไทย จึงเป็นการผนวกคุณประโยชน์ของอาหารจากพืช (plant-based food) เข้ากับอาหารเชิงหน้าที่ (functional food) ตอบโจทย์อาหารแห่งอนาคต โดยไข่เทียม “เป็นเอก” ออกแบบมาเพื่อทลายข้อจำกัดในการใช้งานของไข่เทียมทางการค้าที่ผลิตในต่างประเทศ

“เราสร้างนวัตกรรมที่แตกต่างจากไข่เทียมผงและไข่เทียมเหลวของต่างประเทศทุกแบรนด์ที่มีความเฉพาะของผลิตภัณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งทำให้จำกัดการใช้งาน ด้วยการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเชิงหน้าที่ของวัตถุดิบแต่ละตัวในกระบวนการผลิต ไม่ใช้ส่วนผสมที่ก่ออาการแพ้ และตัดวัตถุเจือปนอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายออกไป จนทำให้ได้ผงไข่เทียมที่สามารถนำไปใช้ทดแทนไข่ไก่ได้ทั้งฟอง ทั้งเมนูจานไข่ เมนูอาหารคาวและหวานที่มีส่วนผสมของไข่” หนึ่งในทีมวิจัย แจงให้ฟัง

ก่อนเผย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขยายผลกับผู้ประกอบการพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรมเบเกอรี่และเส้นหมี่ การใช้ประโยชน์จากข้าวในการผลิตไข่เทียมไร้สารก่อภูมิแพ้นี้ ไม่เพียงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ข้าวไทย แต่ยังเป็นการประกาศศักดาความเหนือชั้นของนวัตกรรมผงไข่เทียมในการเป็น ออลอินวัน & อันลิมิเต็ดยูส (All in one & Unlimited use) ที่ไข่เทียมของต่างประเทศยังไปไม่ถึงอีกด้วย

สำหรับ รายละเอียดที่มาของ เป็นเอก ผงไข่เทียมจากพืชไร้สารก่อภูมิแพ้ นี้ ใช้วัตถุดิบหลักจากข้าวไทยและผลิตภัณฑ์จากการแปรรูปข้าว ซึ่งทั้งหมดมาจากผลผลิตภาคการเกษตรและผลพลอยได้จากการหมัก ที่อุดมด้วยคุณค่าสารอาหารและสมบัติเชิงหน้าที่ ใน 24 กรัม หรือ 1 หน่วยบริโภคเทียบเท่าไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 1 ฟอง มีโปรตีนและแร่ธาตุเทียบเท่าไข่ไก่จริง แต่มีไขมันต่ำกว่า 14 เท่า ใยอาหารสูงกว่า 4 เท่า มีโซเดียมเพียง 0.8 มิลลิกรัม และให้พลังงานน้อยกว่าไข่ไก่จริง

ไข่เทียม

อุดมด้วยสารยับยั้งเอนไซม์เอซีอี สารดีเอสแอล สารโพลิฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระ และกาบา เป็นแหล่งวิตามินเอ ซี อี และมีวิตามินบีสูง ไขมัน คาร์โบไฮเดรตและโซเดียมต่ำ ใช้สีธรรมชาติจากข้าวมอลต์แดงร่วมกับผงฟักทองและเปลือกแก้วมังกร ใช้ข้าวมอลต์ สร้างเนื้อสัมผัสและให้รสหวาน ใช้โปรตีนข้าวไฮโดรไลเสตเป็นแหล่งโปรตีนและทำหน้าที่ทดแทนการใช้อิมัลซิฟายเออร์และสารก่อโฟม ใช้โปรตีนข้าวไอโซเลตเป็นสารที่ให้กลิ่นรสกำมะถันของไข่ ใช้ยีสต์แห้งจากการหมักสาโทเป็นแหล่งวิตามินบี 12 เหล็ก สังกะสี และเบต้ากลูแคน ใช้ผงไบโอเซลลูโลสจากชาข้าวหมักทดแทนสารโมดิฟายเซลลูโลส ผ่านการยอมรับจากผู้บริโภควีแกนและผู้บริโภคทั่วไปเทียบเท่าไข่เทียมทางการค้าของต่างประเทศ สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิปกติได้นาน 16 เดือน

มาในบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก

นอกจากนี้ นวัตกรรมผงไข่เทียมจากข้าวไทย ยังมาในบรรจุภัณฑ์ลังไข่รักษ์โลกที่ มองปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นไข่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีลักษณะเป็นผงสีครีม มีกลิ่นรสอ่อนโยน สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบแทนไข่จริงได้ไม่จำกัด และด้วยการสนับสนุนผลงานนวัตกรรมของเด็กไทย ไข่เทียมเป็นเอก จึงมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ ทั้งเพิ่มการบริโภคภายในประเทศและผลักดันสู่การส่งออกแข่งขันกับไข่เทียมต่างประเทศได้ไม่ยาก เพื่อสร้างรอยยิ้มชาวนาและเพิ่มมูลค่าข้าวไทยไปพร้อมกัน ตามสโลแกนที่ว่า “ก เอ๋ย กอไก่ ข ไข่จากข้าว ชาวนาร้องว้าว โนว์ฮาวเด็กไทย”