เผยผลสำรวจ พนักงาน 60.2% ชี้ Work From Home มีค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น

เผยผลสำรวจ พนักงาน 60.2% ชี้ Work From Home มีค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น
เผยผลสำรวจ พนักงาน 60.2% ชี้ Work From Home มีค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น

เผยผลสำรวจ พนักงาน 60.2% ชี้ Work From Home มีค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น

ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในไทย ทำให้หลายบริษัทยังคงนโยบายให้พนักงานส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน หรือ WFH จากผลสำรวจของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า พนักงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กว่า 52.7% ยังทำงานในที่พักเต็มรูปแบบหรือ WFH 100% ขณะที่ 30.6% มีรูปแบบการทำงานที่ออฟฟิศ 2-3 วันต่อสัปดาห์สลับกับการทำงานในที่พัก 

อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างประมาณ 16.7% ยังต้องไปทำงานที่ออฟฟิศ เนื่องจากลักษณะงานไม่เหมาะที่จะ WFH ได้ เช่น งานทางด้านบัญชี งานที่ต้องลงนามในเอกสารสำคัญต่างๆ เป็นต้น รวมถึงบางบริษัทไม่มีความพร้อมในระบบไอทีและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้พนักงานทำงานที่บ้านได้

สำหรับการ WFH ไม่ต่างจากการทำงานที่ออฟฟิศ มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ในด้านบวก กลุ่มตัวอย่างมองว่าการทำงานที่บ้านช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น มีเวลาอยู่กับครอบครัว สามารถบริหารเวลาระหว่างชีวิตประจำวันกับการทำงานได้ การทำงานมีประสิทธิภาพเนื่องจากไม่ต้องประชุมตลอดเวลา สุขภาพดีขึ้น และมีความยืดหยุ่นด้านเวลาทำงาน

แต่ในอีกมุมหนึ่งของการทำงานที่บ้าน ก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์การทำงานได้อย่างราบรื่น จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ต้อง WFH มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง พบว่า การทำงานที่บ้านมีอุปสรรคในมิติต่างๆ ที่สำคัญคือ อุปสรรคด้านการทำงาน (59% ของผู้ตอบแบบสอบถาม) เนื่องจากไม่มีความคล่องตัวเหมือนกับการทำงานที่ออฟฟิศ

ทั้งปัญหาด้านอุปกรณ์การทำงานและระบบไอที ปัญหาการสื่อสารระหว่างลูกทีมและหัวหน้า การติดต่อสื่อสารนอกเวลางานที่มากขึ้น การติดต่อประสานงานระหว่างหลายทีมมีความยากลำบาก การรับรู้นโยบายของบริษัทและงานระหว่างทีมงานมีน้อยลง และปัญหาในเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพนักงานและหัวหน้างาน ตามมาด้วย ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น (58.4% ของผู้ตอบแบบสอบถาม) เช่น ค่าไฟฟ้า และค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้ อุปสรรคการทำงานที่บ้านอื่นๆ อาทิ สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสม เช่น มีเสียงดัง จำนวนผู้อยู่อาศัยรวมกันจำนวนมาก ทำให้ขาดสมาธิในการทำงาน ปัญหาสุขภาพจากพื้นที่ทำงานที่ไม่เหมาะสม การทำงานที่บ้านต้องมีการควบคุมพฤติกรรมตนเองที่สูงและต้องใช้สมาธิอย่างมากในการทำงาน และต้องบริหารจัดการความสมดุลของเวลางานและการดูแลบุตรหลาน

อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การทำงานที่บ้านยังมีอุปสรรคท้าทายสำหรับพนักงานและบริษัทที่ต้องแก้ปัญหาด้วยแนวทางและเครื่องมือที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความพร้อมด้านระบบงานไอทีและอุปกรณ์ที่สอดรับกับลักษณะงาน การปรับสวัสดิการและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เกิดความสมดุลระหว่างการทำงานที่บ้านกับการทำงานที่ออฟฟิศ เป็นต้น   

ซึ่งจากผลสำรวจ พบว่า พนักงานต้องการการสนับสนุนจากองค์กรในด้านสวัสดิการค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต/ค่าโทรศัพท์ (60.2%) เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ พนักงานต้องการการสนับสนุนเรื่องไอทีและอุปกรณ์ในการทำงาน (48.9%) เช่น โน้ตบุ๊ก ระบบข้อมูล หรือแม้กระทั่งความช่วยเหลือด้านเทคนิคเมื่อเกิดปัญหาขึ้น

และเป็นที่น่าสนใจว่า มุมมองของพนักงานต่อการ WFH หรือ Work From Anywhere ต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานนั้น กลุ่มตัวอย่าง มองว่า การทำงานที่บ้านทำให้แรงจูงใจในการทำงานลดลง (60.0%) มีความเสี่ยงต่อการลดลงของเงินเดือนและสวัสดิการ (57.6%) มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานลดลง (18.3%) และมองว่างานไม่มีความท้าทาย (14.7%)